News Flash
นักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุด (23-29 มิ.ย.) +9% WoW จากจีนและรัสเซีย แต่ยังหดตัวลง -14% YoY รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-29 มิ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 570,316 คน (+9% WoW/-14% YoY) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 81,474 คน โดยประเทศที่เพิ่มขึ้นเรียงตามลำดับ คือ 1) มาเลเซีย 102,891 คน (+38% WoW/-17% YoY) 2) อินโดนีเซีย 22,378 คน (+27% WoW) 3) จีน 80,565 คน (+7% WoW/-40% YoY) 4) รัสเซีย 16,824 คน (+7% WoW/+2% YoY) และ 5) เกาหลีใต้ 23,092 คน (+0.3% WoW/-25% YoY) ขณะที่ประเทศที่ลดลงคือ อินเดีย 45,547 คน (-7% WoW/+9% YoY) โดยการเพิ่มขึ้นมาจากการมีวันหยุดปีใหม่ตามปฏิทินฮิจเราะห์ศักราชของชาวมุสลิม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตลาดมาเลเซีย และอินโดนีเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียที่ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 5 จากเดิมในอันดับที่ 9 อีกทั้งจากการเข้าสู่ช่วง Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรปนั้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เพิ่มขึ้นถึง 15% WoW สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-29 มิ.ย. 25 ทั้งสิ้น 16,614,257 คน ลดลง -5% YoY (ที่มา: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา)
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะมีการนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาเพิ่มสิทธิ์โครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568" เป็น 1 ล้านสิทธิ์ หรืออาจจะมากกว่านั้น ก็เป็นไปได้เช่นกัน โดยอาจจะทยอยเพิ่มเป็นทีละลอต โดยจากนี้จะต้องขอเวลาประเมินสถานการณ์ก่อนว่าการเปิดให้จองสิทธิ์ทั้งหมดมีความต้องการจำนวนมากน้อยเพียงใด และขอยืนยันว่า รัฐบาลยังมีงบประมาณเพียงพอให้ดำเนินการแน่นอน อาทิ การใช้งบกลางที่ยังสามารถนำมาจัดสรรเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดจำนวนสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่ชัด (ที่มา: ไทยรัฐ)
Implication
เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมและจีนฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดเทอม (ต้นเดือน ก.ค.-ปลายเดือน ส.ค. 25) ทำให้เราคาดว่าสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวได้ต่อได้ โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวรวม YTD ยังคงหดตัวลง -4% YoY โดยเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าสู่ช่วง Low season ของไทย
เรามองเป็นบวกต่อการเพิ่มจำนวนสิทธิ์โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเป็น 1 ล้านสิทธิ์ จากเดิมที่ 5 แสนสิทธิ์ ซึ่งหากทำได้จริงจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้เพิ่มในช่วง Low season โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (88%), CENTEL (80%) และ MINT (15%) โดยเราคาดว่า ERW (ถือ/เป้า 2.50 บาท) (ERW คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นได้น้อยกว่า 1% จากโครงการนี้) และ CENTEL (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งมากที่สุด
คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวม/นักท่องเที่ยวจีนปี 2025E ที่ 34.5 ล้านคน/5 ล้านคน เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2025E จะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ลดลง -3% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ลดลง -26% YoY โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มฟื้นได้อย่างชัดเจนใน 4Q25E ขณะที่ความเสี่ยงในประเทศเริ่มมากขึ้นจากปัจจัยเรื่องการเมืองซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำกว่าที่เราคาดได้
Valuation/Catalyst/Risk
เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่ม เราเลือก CENTEL, MINT
CENTEL (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) จาก valuation ซื้อขายที่ 2025E EV/EBITDA ที่ 9x (-1.75SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW ที่ 11x ขณะที่ไม่มีปัจจัย Overhang อย่าง ERW นอกจากนี้คาดว่าแนวโน้มกำไร 3Q25E จะฟื้นตัว QoQ ได้ตามยอด Booking ที่เพิ่มขึ้น และฟื้นตัวเด่น 4Q25E จากการเปิดอาคารผู้โดยสารใหม่ที่สนามบินมัลดีฟส์และนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว
MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2025E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่ 2Q-3Q25E จะเป็นช่วง High season ที่ยุโรป และได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนน้อยกว่ากลุ่ม ประกอบกับที่ยุโรปเน้นนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก