• คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับตัวลง ตามตลาดต่างประเทศ และสถานการณ์ตะวันออกกลาง

• ตลาดหุ้นไทย แรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก กดดันตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจากมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอาจจะยังไม่สามารถหนุนตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นกลับขึ้นมาได้ ประกอบกับความกังวลในประเด็นสงครามในตะวันออกกลาง และการผ่านร่างภาษีของสหรัฐฯ ให้เฝ้าระวังดัชนีฯบริเวณ 1170 -1172 จุด หากยืนไม่อยู๋ก็อาจจะเป็นสัญญาณทยอยลดพอร์ตอีกครั้ง

• คืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้น้ำหนัก(ลบ) กับ ร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ …..  หากสหรัฐฯ ยอมให้มีการลดการลดหย่อนภาษี(SALT) มากขึ้น จะลบต่อตลาดในส่วนที่ว่า หนี้สหรัฐฯจะเพิ่ม นักลงทุนจะขายพันธบัตร และดอลล่าร์จะอ่อน (เงินบาทแข็งลบต่อหุ้นส่งออกไทย) แต่จะดีต่อราคาทองคำ

• วานนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองชุดใหม่ที่บ่งชี้ว่า อิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน .....  เป็นข่าวที่กดดันตลาดวานนี้ และหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น(บวกต่อ PTTEP) เช้านี้ น้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ $64.65 มีบางแหล่งข่าวบอกว่า อิสราเอลอาจไม่มีการโจมตีจริงๆ

• รัฐบาลไทยตั้งเป้าเจรจาภาษีกับเจ้าหน้าที่สหัฐฯ ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าการเจรจาออกมาดี และสหรัฐฯ อาจใช้ภาษีศุลกากรต่อไทยในอัตราเดียวกันกับประเทศอื่นๆ .... สภานการณ์สงครามการค้าผ่อนคลายต่อเนื่อง หลายประเทศเข้าร่วมเจรจา เรามองปลายทางระดับภาษีศุลกากรจะปรับลงมาก และอาจอยู่ในระดับใกล้เคียงกันในแต่ละประเทศ

• กลุ่มประเทศ G7 กำลังร่วมประชุม ณ ประเทศแคนาดา(20-22) หลายประเทศกำลังหารือเรื่องการเก็บภาษีสินค้าราคาถูกจากจีนที่ล้นตลาด เหมือนกับหรัฐฯ ได้ยกเลิกมาตรการ de minimis (พัสดุขนาดเล็กที่มีราคาถูกจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า) เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกในประเทศ … จะดีกับไทยหาก นำมาพิจารณาปรับใช้ แต่อาจได้รับผลกระทบสินค้าราคาถูกทุ่มตลาด หากรัฐบาลไทยไม่ออกมาตรการป้องกัน ในขณะที่หลายๆ ประเทศได้เริ่มใช้มาตรการนี้แล้ว

• “จีน” งบขาดดุล 4 เดือนแรก 2568 พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 2.65 ล้านล้านหยวน หลังทุ่มเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันภาษีทรัมป์ครม.อนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 69 ขาดดุล 8.6 แสนล้าน หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง โดยมีวงเงินรายจ่ายที่ 3.78 ล้านล้านบาท ขณะที่ คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดทั้งปี หุ้นกลุ่ม China Play ยังคงได้ไปต่อ

• Event วันนี้ : ยอดขายรถยนต์, ตัวเลขเคลมการว่างานสหรัฐฯ, ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ, ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ

 

• ดัชนีฯ ถอยลงมาอีกครั้ง และต่ำกว่า 1184 จุดด้วย  จากความกังวลหลายเรื่อง โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนในเรื่องสถานการณ์ตะวันออกกลาง(นักลงทุนไม่รู้มาก่อน)  กลยุทธ์ คือ wait & see ติดตามข่าว และอาจเลือกขายทำกำไร ออกไปบ้าง

• หุ้นกลุ่มค้าปลีก ยังอาจต้องระวัง เพราะคนเริ่มกังวลเรื่องกำลังซื้อในประเทศ โดย GDP ไตรมาสล่าสุดสะท้อนภาพในเชิงลบ ที่มาพร้อมกับการปรับลด GDP ปีนี้ลง

• หุ้นที่ราคาลงมามาก น่าสนใจในการหาจังหวะเข้าซื้อ โดยรอดูโซนซื้อแถวๆ  1172-1180 จุด เพื่อเก็งกำไรรอบสั้นๆ ได้แก่  ITC, IVL, ADVANC, LH*, KBANK

• หุ้นในพอร์ตวันนี้  เรานำ RCL*, TIDLOR* ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย GULF(10%), ADVANC(10%), KBANK (10%), TRUE*(10%

 

( + ) MAGURO (ซื้อ/เป้า 26.00 บาท) เปิดตัวแบรนด์ใหม่ "Bincho" อาหารญี่ปุ่นย่างถ่าน ใน ก.ค. นี้

( - ) Bank (Neutral) สินเชื่อ เม.ย. 25 ลดลง -0.4% MoM จากสินเชื่อภาครัฐและรายย่อยเป็นหลัก

 

( 0 ) EPG (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 3.40 บาท) 4QFY25E จะดีขึ้น QoQ ตามเดิม, ตั้งสำรอง ECL ลดลงต่อเนื่อง