logo
search
flag-th
share-icon

เช็กสิทธิลดหย่อนภาษี 2568 ก่อนยื่นจริง

เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นเวลาสำคัญในการ “วางแผนภาษีปลายปี” เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการยื่นภาษีประจำปี 2568 (ที่สามารถยื่นได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2569) หลายคนเริ่มมองหาวิธีใช้สิทธิลดหย่อนให้คุ้มค่าที่สุด เพราะการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่เพียงช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย แต่ยังเป็นโอกาสดีในการจัดการและวางแผนการเงินระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

ประเภทใดบ้างที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างรอบปีภาษี มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี เมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเมื่อคำนวณแล้วบุคคลคนนั้น ๆ จะเข้าเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีเพิ่มหรือไม่ก็ตาม โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีดังต่อไปนี้

  • บุคคลธรรมดา : หากเป็นคนโสดมีเงินเดือนอย่างเดียว ต้องมีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาท หรือมีเงินได้ประเภทอื่นตั้งแต่ 60,000 บาท หากสมรสมีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 220,000 บาท หรือมีเงินได้ประเภทอื่นตั้งแต่ 120,000 บาท
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล : มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี : ใช้เกณฑ์เดียวกันกับบุคคลธรรมดา
  • กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง : มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

เช็กสิทธิลดหย่อนภาษี 2568

 

สำหรับรายการลดหย่อนภาษีล่าสุดที่จะใช้ในการยื่นแบบภาษีประจำปี 2568 มีอยู่หลายประเภท โดยสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ตามประเภทของสิทธิลดหย่อนได้ ดังนี้

 

 

ประเภทที่ 1 ลดหย่อนส่วนบุคคลและครอบครัว

  • ผู้มีเงินได้ : ลดหย่อน 60,000 บาท
  • คู่สมรส (ไม่มีรายได้) : ลดหย่อน 60,000 บาท
  • ผู้มีเงินได้และคู่สมรส (มีรายได้) : ลดหย่อนรวมกันไม่เกิน 120,000 บาท
  • บุตรที่ชอบตามกฎหมาย, บุตรบุญธรรม : ลดหย่อนคนละ 30,000 บาท
    (*หากบุตรคนที่ 2 เกิดตั้งแต่ปี 2561 : ลดหย่อนคนละ 60,000 บาท)
  • ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตร : ลดหย่อนได้ตามจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท/การตั้งครรภ์ 1 ครั้ง
  • ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ : ลดหย่อนคนละ 30,000 บาท และหักลดหย่อนบิดามารดาของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท (อายุมากกว่า 60 ปี รายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/ปี)
  • ค่าเลี้ยงดูคนพิการ/ทุพพลภาพ : ลดหย่อนคนละ 60,000 บาท

ประเภทที่ 2 ประกัน - การลงทุน

  • ประกันชีวิต : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
    - ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
    - กรมธรรม์ที่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนคืน ต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี
    - เบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
  • ประกันสุขภาพ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท
    - หากค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ถูกนำไปรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • ประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
    - บิดามารดาต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษี เงินได้เกิน 30,000 บาท
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
    - เบี้ยประกันบำนาญต้องมีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป, จ่ายผลประโยชน์เมื่ออายุ 55-85 ปีหรือมากกว่านั้น
  • เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท แต่ในส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 500,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษี 
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนใน RMF : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีในปีนั้น สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
     - ต้องถือหน่วยไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่การลงทุนครั้งแรก ถือครองจนอายุ 55 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือสามารถเว้นการซื้อได้ 1 ปี
    - เมื่อรวมเข้ากับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมกองทุน กบข, เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุน Thai ESG : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 300,000 บาท
    - ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (มีผลบังคับใช้ในปี 2567-2569)
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุน Thai ESGX : สำหรับเงินลงทุนใหม่ ปี 2568 ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 300,000 บาท
    - ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
    - วงเงินลงทุนของ Thai ESGX สำหรับการลงทุนใหม่ แยกออกต่างหากจาก Thai ESG และการสับเปลี่ยนจาก LTF ไปที่ Thai ESGX
    - สำหรับผู้ที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ไปที่ Thai ESGX จะได้รับวงเงินลดหย่อนสูงไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน โดยมีหลักเกณฑ์ลดหย่อนสูงสุดแบ่งตามปี โดยจากรายได้พึงประเมินในปี 2568 ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท และหากมีส่วนที่เกินวงเงินนี้ จะถูกนำไปลดหย่อนในปีภาษี 2569 - 2572 ปีละ 50,000 บาท
  • เงินสะสม กบข. : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
  • เงินสมทบประกันสังคม : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท

สำหรับเบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมเข้ากับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินสะสมกองทุน กบข, เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยเอกชน, เงินค่าซื้อหน่วย RMF ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

 

ประเภทที่ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายภาครัฐ

  • ดอกเบี้ยบ้าน : ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้รับจ้าง (สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) : ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท (จำนวน 10,000 บาท ต่อทุก 1,000,000 บาท)
  • Easy e-Receipt 2.0 : 2568 ลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (ตั้งแต่16 มกราคม 2568 - 28 กุมภาพันธ์ 2568) โดยแบ่งวงเงินออกเป็น 2 ส่วน
    - วงเงินส่วนแรก 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าทั่วไปกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้
    - วงเงินส่วนที่สองคือ 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้ากับร้านค้า OTOP หรือร้านค้าวิสาหกิจชุมชน
  • ติดตั้ง Solar Rooftop สามารถลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
    (*รอประกาศจากกรมสรรพากร)

    เงื่อนไข:
    - ชื่อผู้ใช้สิทธิ์ต้องตรงกับชื่อเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้า
    - สิทธิ์การลดหย่อน 1 บุคคลต่อ 1 มิเตอร์ ต่อ 1 ระบบ
    - ต้องเป็นระบบ On-Grid มีกำลังการผลิตที่ติดตั้งไม่เกิน 10 kW ต่อหลัง
    - มีการจัดซื้อ ติดตั้ง และขออนุญาตกับโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย
    - มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ประเภทที่ 4 เงินบริจาค

  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา โรงพยาบาลรัฐ ผ่านระบบ e-Donation หักได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคอื่น ๆ หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคให้แก่พรรคการเมือง หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : www.etaxgo.com

 

 

กลับสู่ด้านบน

combo-icon

SPECIAL ARTICLE อื่นๆ

ดูทั้งหมด

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

 

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์