News Flash
- นักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุด (25-31 ส.ค.) ลดลง -10% WoW จากญี่ปุ่น, จีนและอินเดียขณะที่ยังหดตัวลง -7% YoY รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-31 ส.ค.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 506,115 คน (-10% WoW/-7% YoY) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 72,302 คน โดยประเทศที่ลดลงเรียงตามลำดับ คือ 1) ญี่ปุ่น 20,027 คน (-27% WoW) 2) จีน 93,158 คน (-24% WoW/-32% YoY) 3) อินเดีย 37,402 คน (-18% WoW/+7% YoY) 4) เกาหลีใต้ 24,749 คน (-12% WoW/-8% YoY) และ 5) รัสเซีย 15,257 คน (-15% WoW/+9% YoY) ขณะที่ประเทศที่เพิ่มขึ้นคือ มาเลเซีย 100,600 คน (+27% WoW/+12% YoY) โดยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากจากการมีวันหยุดต่อเนื่องภายในประเทศ (วันประกาศอิสรภาพ) ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดอื่น ๆ ชะลอตัวด้านการเดินทางจากการสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (Summer holiday) ซึ่งเป็นแนวโน้มปกติของการเดินทาง สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ส.ค. 25 ทั้งสิ้น 21,879,476 คน ลดลง -7% YoY (ที่มา: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา)
Implication
- เรามองเป็นกลาง แม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมจะลดลง และจะชะลอตัวลงต่อเนื่องจนถึงปลายเดือน ก.ย. เนื่องจากเป็นไปตามฤดูกาล โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่ลดลงเพราะนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางลงตามฤดูกาลที่เป็นปกติในช่วงกลางเดือน ส.ค.-ปลายเดือน ก.ย. ของทุกปีที่จะลดลง แต่อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ดีหากเทียบ YoY โดยลดลง -32% YoY จากสัปดาห์ก่อนๆที่ลดลงราว -40% YoY ขณะที่เราคาดว่าสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวรวมจะยังชะลอตัวลง WoW ได้ต่อ ทั้งนี้หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวในประเทศที่ชะลอตัวลงเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้ในประเทศ ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวรวม YTD ยังคงหดตัวลง -7% YoY โดยเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าสู่ช่วง Low season ของไทย
- คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวม/นักท่องเที่ยวจีนปี 2025E ที่ 34.5 ล้านคน/5 ล้านคน เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2025E จะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ลดลง -3% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 5 ล้านคน ลดลง -26% YoY โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มฟื้นได้อย่างชัดเจนใน 4Q25E
Valuation/Catalyst/Risk
เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่ม เราเลือก CENTEL, ERW
CENTEL (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท) จากกำไร 3Q25E เพิ่มขึ้น QoQ จากยอด Booking และการเติบโตของรายได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2Q25 เป็นจุด Bottom ของปีไปแล้ว
ERW (ซื้อ/เป้า 3.00 บาท) จาก Valuation ซื้อขายที่ 2025E PER ที่ 15x ถูกสุดเมื่อเทียบกับ MINT และ CENTEL ที่ 16x และ 21x ตามลำดับ นอกจากนี้เราคาดแนวโน้มกำไร 3Q25E จะหดตัว YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ เพราะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q25 และจะฟื้นตัวได้ดีใน 4Q25E