News Flash
ส่งออก พ.ค. 2025 กลับมาโต MoM ตามคาดจากปัจจัยฤดูกาล ยกเว้นยางพารายังชะลอตัว กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกสำคัญดังนี้
1) ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน พ.ค. 2025 อยู่ที่ 289 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+7% YoY, +10% MoM) และตัวเลข 5M25 อยู่ที่ 1,356 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+11% YoY)
2) ส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือน พ.ค. 2025 อยู่ที่ 341 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+11% YoY, +23% MoM) และตัวเลข 5M25 อยู่ที่ 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+3% YoY)
3) ส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและไก่แปรรูปเดือน พ.ค. 2025 อยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+9% YoY, +13% MoM) และตัวเลข 5M25 อยู่ที่ 1,877 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+9% YoY)
4) ส่งออกยางพาราเดือน พ.ค. 2025 อยู่ที่ 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (-8% YoY, -15% MoM) และตัวเลข 5M25 อยู่ที่ 2,378 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+22% YoY)
(ที่มา: กระทรวงพาณิชย์)
Implication
เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยตัวเลขส่งออกโดยรวม พ.ค. 2025 กลับมาขยายตัว MoM ตามคาดจากปัจจัยฤดูกาลหลังผ่านช่วงหยุดยาว และส่งออกอาหารทะเลกระป๋องได้ปัจจัยหนุนจากราคาทูน่าเริ่มกลับมาอ่อนตัว อย่างไรก็ตามส่งออกยางพาราชะลอ MoM เป็นเดือนที่ 3 และปรับตัวลง YoY เป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เป็นผลจากลูกค้ารอดูสถานการณ์นโยบาย tariffs ของสหรัฐ รวมถึงลูกค้ามีการเร่งคำสั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงาน 2Q25E 1) กลุ่ม Pet Food เราประเมินกำไรปกติจะปรับตัวลง QoQ จากลูกค้าบางส่วนอาจมีการชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์นโยบาย tariffs, 2) TU เราประเมินกำไรแนวโน้มปกติจะลดลง YoY และทรงตัว QoQ จากลูกค้าชะลอเพื่อรอดูสถานการณ์ และการเริ่มเห็นผลกระทบจากเกณฑ์ GMT, 3) NER กำไรปกติอ่อนตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาลของผลผลิตยาง ขณะที่ผลกระทบนโยบาย tariffs จะเห็นมากขึ้นใน 2H25E, และ 4) GFPT กำไรปกติจะปรับตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลและลูกค้ายุโรปเร่งคำสั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะถูกชดเชยบางส่วนจากต้นทุนวัตถุดิบทรงตัวต่ำ
ทั้งนี้กลุ่ม Pet Food เราคงน้ำหนัก “Neutral” และ Top pick ได้แก่ AAI (ซื้อ/เป้า 6.00 บาท) หลังกำไรปกติ 1Q25 ดีกว่าคาด รวมถึงมีปัจจัยหนุนจากแผนซื้อหุ้นคืนช่วง 28 พ.ค.-28 พ.ย. 2025
สำหรับหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม Agri & Food เราแนะนำ
- TU (ถือ/เป้า 10.50 บาท) มีปัจจัยท้าทายจากนโยบาย tariffs ของสหรัฐ SG&A ทรงตัวสูงจากการลงทุน transformation และแนวโน้มเริ่มเห็นผลกระทบเกณฑ์ GMT ตั้งแต่ 2Q25E
- NER (ถือ/เป้า 5.00 บาท) จากแนวโน้ม 2H25E เห็นผลกระทบมากขึ้นจากประเด็น tariffs และการขยายโรงงานใหม่ในไทยมีโอกาสล่าช้ากว่าแผน
- GFPT (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท) หลังได้รับผลกระทบจากนโยบาย tariffs ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไม่มีส่งออกโดยตรงไปสหรัฐ และมีโอกาสได้อานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบลดลง หากรัฐบาลมีนโยบายนำเข้าวัตถุดิบข้าวโพดจากสหรัฐมากขึ้น