SET Outlook

• คาดดัชนีฯ ยังเสี่ยงต่อการปรับฐานต่อ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับนโยบาย Trump และครบกำหนดส่งงบ 3Q ของตลาดในสัปดาห์นี้แล้ว

• ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ จะมีความผันผวนลดลง หลังผ่านการเลือกตั้ง(สหรัฐฯ)  ประชุม FOMC และจีนประกาศมาตรการเศรษฐกิจ(ที่น่าผิดหวัง)  โดยตัวแปรสัปดาห์นี้ จะเป็น “Trump” จะพูดถึงนโยบายอย่างไร สถานการณ์ตะวันออกกลาง และ บจ.รายงานกำไร 3Q ......  ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1450-1490 จุด

• จับตา 3 เรื่องที่ “Trump” จะต้องแสดงความชัดเจน คือ นโยบายการค้า-สงคราม-การลดภาษี ...... หุ้นไทยที่เสียประโยชน์ จะมีมากกว่า เช่นกลุ่มที่ลบจากเงินบาทอ่อน หรือดอกเบี้ยลดช้า แต่มีหุ้นที่ได้ประโยชน์อย่างน้อย 2 กลุ่ม คือ ธนาคาร(SCB, TTB)  และหุ้นนิคมฯ (WHA, AMATA)  ขณะที่ Fund Flow ในเอเซีย คาดว่าจะ net sell ในระดับที่ลดลง ยกเว้นอินเดีย ที่เงินไหลออก (บางส่วนน่าจะกลับเข้าจีน)

• ผลประชุมสภาประชาชนของจีน (NPC) เมื่อวันศุกร์ ยังขาดมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะ ออกมาเพียงแผนรีไฟแนนซ์หนี้รัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 10 ล้านล้านหยวน และเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นเป็น 35.52 ล้านล้านหยวน ..... ตลาดหุ้นจีน อาจยังได้รับผลลบ จากความผิดหวังของนักลงทุนที่คาดหวังไว้มากกว่านี้

• สถานการณ์ตะวันออกกลาง ทรงๆ ยังไม่มีสัญญาณโจมตีอิสราเอลของอิหร่าน อิหร่าน จับตาความพยายามจัดให้มีการเจรจาหยุดยิง ที่นำโดยสหรัฐฯ ..... เราประเมิน ตลาดยังมีความกังวลต่อเรื่องนี้ หากการโจมตีของอิหร่าน ทำให้สงครามเกิดการบานปลาย จะเป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

• ก.ล.ต.ชี้เป้าจับตาฟัน "เคสใหญ่" สัปดาห์นี้ หวังฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน .......  หากหุ้น 1-2 ตัว ที่ถูกกล่าวโทษ เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้ว ก็จะไม่มีผลต่อราคาเท่าใดนัก แต่หากไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน จะเป็นลบต่อหุ้นตัวนั้นๆ หรือกระทบต่อความสามารถในการชำระคืนหุ้นกู้ได้ ส่วนผลต่อตลาด ไม่น่าจะมีนัยยะ

• การเมืองในประเทศ เราน่าจะรู้แล้วว่า กรณีที่มีการยื่นคำร้องต่อพรรคเพื่อไทย จะมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ (ตามข่าวคือไม่ส่ง) หากไม่ส่งจริงๆ จะเป็นข่าวบวกของตลาด ความกังวลในเรื่องการเมืองจะลดลง

• ตลาดเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการส่งงบ 3Q วันสุดท้ายคือ 14 พ.ย. DAOL ประเมินกำไร SET ไตรมาสนี้ไว้ที่ 2.1 แสนลบ. -24% yoy; -17%qoq  ทั้งนี้ กำไรของบริษัทที่รายงานมาแล้ว -34% yoy และ -36%qoq ต่ำกว่าตลาดคาดราว 13%

• กบง. มีมติเห็นชอบกำหนดสัดส่วนผสมไบโอดีเซล B100ในช่วงที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงขึ้น โดยกำหนดให้สัดส่วนผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาไม่ต่ำกว่า 5% และไม่สูงกว่า 7% โดยปริมาตร และ B20 ไม่ต่ำกว่า 19% และไม่สูงกว่า 20%% โดยปริมาตร บังคับใช้ 21 พ.ย.เป็นต้นไป

• กกพ. เปิดเฮียริ่งค่า FT สำหรับค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.68 ที่ 4.18-5.49 บาท/หน่วย ตั้งแต่ 8-22 พ.ย.67 โดยปัจจัยหลักค่าไฟอาจแพงขึ้นจากภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงสะสมช่วง 2 ปีที่ผ่านมา .... จากแนวโน้มที่ค่าไฟฟ้าจะปรับตัวขึ้น กลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้ประโยชน์

• การประชุมคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติจะจัดขึ้นในวันนี้(11) หลังเลื่อนมาจาก 4 พ.ย. จับตาวันนี้จะได้ประธานบอร์ดหรือไม่ และจะมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามข่าวลือจริงหรือไม่

• Event สำคัญสัปดาห์นี้ :  เงินเฟ้อผู้บริโภค(CPI)สหรัฐฯ (13),  เงินเฟ้อผู้ผลิต(PPI)สหรัฐฯ(14)  ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ (15) และประชุมดอกเบี้ยจีน(15)

 

Strategy

• ตลาดน่าจะเลือกทางเดินในสัปดาห์นี้แล้ว หลัง ผันผวนในกรอบ มาตลอดทั้งสัปดาห์ การตอบรับต่อข่าวลบมีไปค่อนข้างมาก แต่มีเรื่องรอเฉลยบางเรื่อง อาทิ ปัญหาตะวันออกกลาง หรือทิศทางการเมือง ถ้าผลของ 2 เรื่องนี้ออกมาดี คาดจะมีแรงซื้อกลับเข้าตลาด(ไทย) .....  คำแนะนำ ยังเป็น “ถือ” ไว้ก่อนโดยควรพร้อม ซื้อ/ขาย ตามสัญญาณที่เกิดขึ้น

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย BH*(10%), PTTEP(10%), JPARK(10%), OSP(10%), TTB(10%), SCB(10%)

 

Technical  : BJC, PIN

 

Company Report

( + ) SAV (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 27.00 บาท) กำไร 3Q24 ดีกว่าคาด ทำ new high จากเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

( + ) CBG (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 95.00 บาท) กำไร 3Q24 สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส, 4Q24E โตต่อจาก high season

( - ) TCAP (ปรับลงเป็น ถือ/ปรับเป้าลงเป็น 55.00 บาท) กำไรสุทธิ 3Q24 ต่ำกว่าคาดจาก THANI กดดัน

( 0 ) COCOCO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท) กำไร 3Q24 โต YoY หดตัว QoQ จากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

( 0 ) TOP (ซื้อ/เป้า 55.00 บาท) ขาดทุนสุทธิ 3Q24 ตามตลาดคาด; 4Q24E GRM มีโอกาสฟื้นตัว