SET Outlook
คาดตลาด จะถูกกดดันจากปัจจัยลบภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ปะทุขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบถึงตลาดหุ้นเอเชียและไทย โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและโภคภัณฑ์ แต่คงต้องรอดูท่าทีของทั้งสองฝ่ายหลังสหรัฐฯพยายามลดแรงกดดันลงในช่วงวันที่ผ่านมา ปัจจัยในประเทศ ยังมีแรงฉุดจากหุ้น DELTA ที่อาจปรับตัวลงต่อ การรายงานกำไรหุ้นธนาคาร(ไทย+สหรัฐฯ) ที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ เราประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ไว้ที่ 1270-1300 จุด
ปัจจัยในประเทศ
• การเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม) และการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรก ในวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568 จะย้ายไปจัดที่อาคารรัฐสภา เพื่อป้องกันปัญหาการตรวจสอบองค์ประชุม เนื่องจากในวันดังกล่าวจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 และแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร) การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการพิจารณาในวาระแรก และดาโอคาดว่าการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 จะแล้วเสร็จและนำมาพิจารณาได้ทันในสมัยประชุมหน้า (ช่วงเดือนธันวาคม 2568)
• การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการหารือถึงความคืบหน้าในการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ รวมถึงการแต่งตั้งทีมไทยแลนด์ชุดใหม่ที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีนำเข้าที่ไทยได้รับในขั้นต้นที่ 36%
• ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มธนาคารเตรียมรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 โดย TISCO จะเป็นรายแรกที่รายงานในวันที่ 14 ต.ค. นี้ ตามด้วย KKP* ในวันที่ 20 ต.ค. และ BBL*, KBANK*, KTB*, SCB*, TTB* ในวันที่ 21 ต.ค. ... DAOL ประเมินกำไรหุ้นธนาคาร 5 ตัวที่ทำประมาณการกำไร ไว้ที่ 5.6 หมื่นลบ. +2.2% yoy ; -0.6% qoq ด้านกำไรตลาด เราคาดไว้เบื้องต้น ที่ 2.46 แสนลบ. 5%yoy;-13%qoq
• Fund Flow และค่าเงินบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,713.22 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 29 ล้านบาท ณ วันที่ 10 ต.ค. เงินบาทปิดตลาดเย็นวันดังกล่าวที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่ 32.77 บาท/ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก ดาโอทราบว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) กล่าวว่า ธปท. ยังมีช่องว่างในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหากจำเป็น และมีการจับตาความผันผวนของค่าเงินบาทที่มาจากการซื้อขายทองคำออนไลน์
• หุ้นรายตัว หุ้น DELTA* ปรับตัวลงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นไทย หลังจากถูกขึ้น Trading Alert: Cash Balance ตั้งแต่ 10-30 ต.ค.68 …. โดย DELTA มีผลต่อดัชนีฯ -12 จุด (ในอดีต การลดลงของราคาหุ้น DELTA ช่วงที่ติด Cash Balance เฉลี่ย -12% ; วันศุกร์ -9%)
• สถานการณ์ ไทย-กัมพูชา ยังต้องคอยติดตาม หลังผ่านเส้นตายที่ให้ ประชาชนเขมรย้ายออกจากพื้นที่
ปัจจัยต่างประเทศ:
• สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเตรียมเก็บภาษีเพิ่มเติม 100% กับจีน … ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งหนักสุดใน 6 เดือน หุ้นเทคโนโลยี ได้รับผลกระทบหนักสุดจากความกังวลห่วงโซ่อุปทาน สินทรัพย์ปลอดภัย แร่เงินพุ่งสูงขึ้น 3.7% ใกล้ระดับ $50 ต่อออนซ์ และเกิดการแห่เข้าสู่ทองคำและ Treasuries ด้านคริปโตเคอร์เรนซีถูกเทขายอย่างรุนแรง คาดมีผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงไทย โดยเฉพาะหุ้นส่งออกและ Commodity ... ข่าววานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณประนีประนอมเพื่อลดความกังวลด้านการค้าลง
• ข้อพิพาทภาษีของทรัมป์ คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้มีการบังคับใช้ภาษีทรัมป์จะครบกำหนดในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ โดยศาลสูงสุดได้กำหนดให้มีการไต่สวนด้วยวาจาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ความไม่แน่นอนทางกฎหมายนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของภาษีนำเข้า
การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ค้างคาอยู่ และนักลงทุนยังรอความคืบหน้าประเด็นงบประมาณอุดหนุนภายใต้กฎหมาย Obamacare ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป การปิดหน่วยงานยังทำให้เกิดการเลิกจ้างพนักงานรัฐบาลหลายพันคน
• ผลประกอบการสหรัฐฯ บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสถาบันการเงิน เช่น JMP*, GS*, C*, BLK* ในวันที่ 14 ต.ค. และ MS*, BAC* ในวันที่ 15 ตุลาคม
• ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำและแร่เงินพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแร่เงินที่พุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ $50 ต่อออนซ์ ซึ่งเกิดจากความกังวลด้านความไม่แน่นอนทางการคลังในสหรัฐฯ และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ตัวเลขเศรษฐกิจและ Event
• TH-การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) (14 ต.ค.)
• TH-การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรก (15 ต.ค.)
• TH-การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1(14-15 ต.ค.)
• CH-PPI และ CPI YoY งวด ก.ย (15 ต.ค.)
• US-CPI YoY งวด ก.ย. (15 ต.ค.) และ PPI YoY งวด ก.ย.(16 ต.ค.)
• US-Initial Jobless Claims (16 ต.ค.)
• EC-CPI YoY งวด ก.ย.(17 ต.ค.)
Strategy
• นอกจาก DELTA จะเป็นตัวตลาดหุ้น ความกังวลรอบใหม่ในเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จะทำให้นักลงทุนตกใจ (เพราะไม่คาดว่าจะกลับมาได้อีก) หากยังไม่คลี่คลาย จะกดดันมาถึงตลาดหุ้นไทยที่จะเปิดทำการในวันนี้ด้วย (14 ต.ค.)
• กลยุทธ์หลัก ปรับเป็นชะลอการลงทุน หลังตลาดอาจถูกกระทบจากสงครามการค้า แต่สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ จะเป็นกลุ่มหุ้น High Dividend และราคาทองคำ
• การนำแนวคิดของกระทรวงการคลังในเรื่อง TISA และการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลมาใช้ จะเป็นบวกต่อหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) และหุ้นที่อิงกับการลงทุน ไม่จำกัดแค่โรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, GUNKUL) แต่จะเป็นหุ้นหลักในกลุ่มอื่นๆ ที่ราคายังขึ้นมาไม่มาก เราชอบ 2 ตัว WHA , AOT
• หุ้นในพอร์ตแนะนำ : เรานำ GULF ออก และคงหุ้นที่เหลือไว้ หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย WHA*(20%), SISB(10%), PTTEP(10%), ADVANC(20%)
Technical : KKP, BGRIM
News Comment:
( + ) AOT (ถือ/เป้า 37.00 บาท) เบื้องต้นคาดการณ์ FY26E จำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินจะโต 6%-7%
( 0 ) BTS (ถือ/เป้า 4.00 บาท) กทม. เตรียมประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีเขียวส่วนต่อขยายเป็น 17-45 บาท จากเดิม 15 บาท ใน พ.ย. 2025 นี้
News Flash:
( + ) BEM (ซื้อ/เป้า 9.00 บาท) ผู้โดยสารรถไฟฟ้า ก.ย. 2025 ขยายตัว MoM แม้เริ่มเข้าสู่ปิดเทอม
( + ) OSP (ซื้อ/เป้า 21.00 บาท) คาดงบ 3Q25E เติบโตได้ดี จากเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ
( + ) CENTEL (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท) 3Q25 RevPAR ฟื้นตัวต่อเนื่อง +4% YoY ดีตามคาด
Company Update:
( - ) NEO (ถือ/เป้า 22.40 บาท) กำไร 3Q25E เป็นจุดต่ำสุดของปี, 4Q25E ฟื้นตัว QoQ