SET Outlook
ดัชนีฯ มีโอกาสอ่อนตัวลง จากตัวแปรในทางลบหลายตัว แรงขายหุ้นในตลาดเอเซีย และความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมไปถึงแรงขายหุ้น Tech โดยตลาดไทย ต้องจับตาสถานการณ์แนวชายแดนกัมพูชา และการรายงานกำไรของบริษัทในตลาดหุ้น ซึ่งจะจบลงในวันพรุ่งนี้(14 พ.ย.)
ปัจจัยในประเทศ
• สถานการณ์ไทย-กัมพูชา: สถานการณ์ชายแดน-ไทยกัมพูชากลับมาตึงเครียด วานนี้ ที่ บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว มีการใช้อาวุธตอบโต้กันในช่วงเวลาสั้นๆ . .... ความรุนแรงที่เริ่มมากขึ้น ตลอดจนการปิดชายแดน จะมีผลกระทบต่อหุ้นหรือธุรกิจที่อิงกับประเทศกัมพูชา
• ผลประกอบการไตรมาส 3/68: บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประกาศงบฯ ในช่วงนี้ก่อนสิ้นสุดการรายงานวันที่ 14 พ.ย. ความผันผวนของหุ้นรายตัวจะอิงกับผลการดำเนินงานเป็นส่วนใหญ่ .... DAOL ประเมินกำไรตลาดในไตรมาส 3/68 ไว้ที่ 2.59 แสนลบ. ซึ่งเติบโต +30% YoY และลดลง -23% QoQ ทั้งนี้ DAOL ได้รวบรวมกำไรจำนวน 281 บริษัท กำไร SET อยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท +57% yoy; -23% qoq คิดเป็น 73% ของกำไรที่เราคาดไว้ และกำไรที่ออกมาแล้ว ดีกว่าตลาดคาด 4.7%
• สถานการณ์น้ำท่วมของไทย: ฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ควรติดตามปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ และการประกาศระบายน้ำอย่างใกล้ชิด ….. ผลกระทบ จะค่อนข้างสูง (แม้จะไม่เท่าปี 2554) ซึ่งในครั้งนี้ จะมีต่อผลิตผลทางการเกษตร หุ้นที่มีธุรกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะที่มีน้ำท่วม รวมไปถึงหุ้นการเงินที่อาจเจอปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงงานหรือนิคมฯ ส่วนใหญ่ ทำกำแพงกั้นน้ำไว้แล้ว
• Fund Flow/เงินบาท: นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย (SET+MAI) 1,394.84 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 2,239 ล้านบาท เงินบาทปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ระดับ 32.49 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าจากช่วงเช้าตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ประเมินไว้ที่ 32.40-32.60 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยต่างประเทศ:
• US Government Shutdown: การปิดหน่วยงานของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ที่จะจบเร็วที่สุดในวันนี้ ติดตามการประชุมอนุมัติร่างกฎหมายรายจ่ายชั่วคราวของสภาล่าง คาดรู้ผลเช้านี้(ตามเวลาประเทศไทย) และหากเสนอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามแล้ว สภาวะ Shutdown จะจบลงทันที .... หากรัฐบาลประกาศสิ้นสุดการปิดหน่วยงาน ราคาสินทรัพย์เสี่ยง Commodity โดยเฉพาะทองคำ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้ง แต่จะส่งผลกระทบถึงโอกาสการลดดอกเบี้ยของ Fed จะน้อยลง ซึ่งเป็นลบต่อตลาดพันธบัตร
• ตลาดการเงินกำลังคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนธันวาคม หลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ความเห็นของเจ้าหน้าที่ Fed ยังคงแตกออกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สาม
• คดีภาษีทรัมป์: คดียังอยู่ระหว่างการไต่สวน ซึ่งคาดว่าจะจบในเร็ว ๆ นี้ (คาดการณ์จบภายในเดือนพ.ย.) ซึ่งมีแนวโน้มจะตัดสินว่าการบังคับใช้ภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผิดกฎหมาย แต่ทว่าทรัมป์ก็สามารถบังคับใช้ภาษีภายใต้กฎหมายอื่น ที่ไม่ใช่หฎหมาย IEEPA ได้เช่นกัน ตลาดหุ้นทั่วโลกมองเชิงบวกหากศาลตัดสินว่าทรัมป์มีความผิด ในช่วงระหว่างความไม่แน่นอนนี้ ตลาดยังคงมั่งสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจและ Event
• US-CPI, Core CPI YoY งวด ต.ค
Strategy
• แรงขายยังมาไม่หยุด คาดดัชนีฯ มีโอกาสหลุดแนวรับสำคัญของเราที่ 1280 จุด จาก 3 ตัวแปร น้ำท่วม-งบ บจ.-ปัญหาแนวชายแดนกัมพูชา นักลงทุนจึงควรเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบทางตรงจากตัวแปรเหล่านี้ และหุ้นที่แนวโน้มกำไรหรือกำไรงวดนี้ ออกมาไม่ดี
• กลยุทธ์ เก็งกำไรช่วงสั้น และดักเก็บหุ้นที่ราคาลงมาลึก(เฉพาะตัวที่ กำไรดี+ปันผลดี)
• หุ้นในพอร์ตแนะนำ: เรานำ PTTEP, SPRC, ADVANC ออก หุ้นในพอร์ต SCB(10%)
Technical : : BBL, BH
News Comment:
( + ) Aviation (Neutral), Tourism (Neutral) 'สมาคมสายการบิน' ถก 'พิพัฒน์' ชะลอขึ้นค่า PSC ผุดลดค่าตั๋ว, เตรียมแจกตั๋วบินฟรีในประเทศ 2 แสนคน
Results Review:
( + ) SPRC (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 6.50 บาท) กำไรสุทธิ 3Q25 ดีกว่าคาด; 4Q25E market GRM มีแนวโน้มสูงขึ้น
( + ) OSP (ซื้อ/เป้า 20.00 บาท) กำไรปกติ 3Q25 โต YoY ตามคาด, คาด 4Q25E โตต่อ YoY, QoQ
( + ) AURA (ซื้อ/เป้า 21.00 บาท) 3Q25E ดีกว่าคาด ยังโตดี YoY แต่ลดลง QoQ จากฐานสูง
( - ) AAV (ขาย/เป้า 1.05 บาท) 3Q25 ขาดทุนมากตามคาด จากผู้โดยสารและค่าตั๋วเฉลี่ยที่ลดลง
( 0 ) STECON (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) 3Q25 ต่ำกว่าตลาดคาดแต่ดีกว่าเราคาด, 4Q25E ดีขึ้นจากการกลับมาเร่งงาน
( 0 ) EPG (ซื้อ/เป้า 4.20 บาท) 2QFY26 กำไรปกติชะลอตามคาด แต่กำไรสุทธิดีขึ้นมาก ไม่มี ECL
( 0 ) SAV (ซื้อ/เป้า 18.00 บาท) 3Q25 ทรงตัวตามคาด; 4Q25E จะกลับมาโตดีจาก high season