SET Outlook
• คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มสูงขึ้นจากวันก่อน แต่ไม่แรงเพราะดัชนีฯ ขึ้นมาแรงในวันก่อน และตลาดหุ้นไทยจะหยุดยาว
• ตลาดหุ้นไทย คาดตลาดยังคงมีแนวโน้มถูกซื้อกลับ หลังสหรัฐฯ ทยอยผ่อนคลายมาตรการการค้า และผลสุดท้ายของภาษีอาจไม่ออกมารุนแรง แต่กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ จะถูกจำกัด (ใกล้เป้าหมาย 1200 จุดของเราแล้ว) อีกทั้งตลาดหุ้นไทย จะปิดซื้อขายในวันจันทร์หน้า ..... แม้ กนง.จะประเมิน GDP ไทยปีนี้ในกรณีที่เป็น Higher Tariffs ไว้ที่ 1.3% ก็ตาม ตลาดสะท้อนปัจจัยลบเหล่านี้ไปค่อนข้างมาก เรายังมองว่า ดัชนีฯ หรือราคาหุ้นขนาดใหญ่ มีโอกาสดันหรือประคองดัชนีฯไว้ได้
• การเจรจาการค้าสหรัฐฯกับประเทศต่าง ถูกมองในมุมที่เป็นบวกมากขึ้น จากข่าวที่ออกมาทั้งจาก จีน และสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการสหรัฐฯ ต่างประสานเสียงว่าตัวเองถูกกระทบจากมาตรการภาษีครั้งนี้ .... เรามองว่า เป็นข่าวดีของตลาดโลก โดยเฉพาะของตลาดเอเซีย
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเล่นข่าวว่า Fed อาจมีการปรับลดดอกเบี้ย .... รัฐมนตรีคลัง Scott Bessent กล่าวว่า ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรลดอัตราดอกเบี้ย
• ดัชนี PMI ภาคการผลิตอย่างเป็นทางการของจีนเดือนเมษายนลดลงสู่ระดับ 49 ซึ่งเป็นการหดตัวที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 บ่งชี้ถึงความเสียหายในช่วงต้นจากภาษีของสหรัฐฯ แต่ตลาดสะท้อนข่าวดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว
• ลงทุนในไทย ไตรมาสแรกของปี ‘68 บริษัทต่างชาติและในประเทศยื่นขอส่งเสริมการลงทุนในโครงการใหม่รวมมูลค่า 431.2 พันล้านบาท (12.9 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ……………การลงทุนส่วนใหญ่นำโดยโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการลงทุนในภาคดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากต่างชาติในศูนย์ข้อมูล เป็นข่าวบวกของกลุ่มนิคมฯ (เราชอบ WHA)
• คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี .... และประมาณการ GDP ของไทย ปีนี้ จากสงครามการค้า 2.0% (lower Tariffs) และ 1.3% (Higher Tariffs)…. เราประเมินว่า เป็นการลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่ตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว หุ้นธนาคารจึงไม่ได้ถูกเทขายออกมา
•ศาลฎีกาฯ รับไต่สวนเอง คดีทักษิณรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดพร้อม 13 มิ.ย. 68 ..... ศาลรับไว้ดูเอง อาจทำให้การเคลื่อนไหวทางการเมือง (ปรับครม.) อาจล่าช้าตามไปด้วย
• บริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยประกาศรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 นักลงทุนเริ่มเข้าเก็งกำไรในหุ้นรายตัว จะได้เห็น Preview กำไรของหุ้นต่างๆ คาดว่ากำไรไตรมาสนี้ ราว 2.05 แสนลบ. -23% YoY ; +17% QoQ ฟื้นจาก 4Q ที่ 1.74 แสนลบ. หุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี อสังหาฯ และท่องเที่ยว กำไรไม่สดใสนัก
• กกพ.เคาะค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค. ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย ….. คาดว่ากลุ่มโรงไฟฟ้ามีการตอบรับเชิงลบไปแล้วตั้งแต่มีมติ ครม. โดยปัจจุบัน กลุ่มโรงไฟฟ้าตอบรับเชิงบวกต่อการลดดอกเบี้ย นโยบายของ กนง. เพราะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และการประเมินมูลค่าในเชิง Valuation จะสูงขึ้น เมื่อดอกเบี้ยตลาดลดลง
• Event วันนี้ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ(2)
Strategy
• แรงซื้อของนักลงทุนยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (ตอบสนองต่อข่าวบวก มากกว่าข่าวลบ) ตลาดค่อยๆฟื้น เป้าสั้นๆ ยังให้ไว้ที่ ดัชนีฯ 1200 จุด หุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างได้เปรียบ โดย DELTA ยังเป็น leading หรือบ่งชี้ทิศทางตลาดได้ดี .... กลยุทธ์ จึงยังถือต่อ หรือซื้อเพิ่มได้ แบบ Selective buy โดยเน้นไปที่หุ้นที่ราคาลงมาลึก
• เรา update list หุ้น ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นที่ราคาลงมาลึก BDMS, SCGP, TOP, WHA* และ GLOBAL
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ GULF เข้ามาในพอร์ตประกอบด้วย GULF(10%), GLOBAL(10%), CPF*(10%), KKP(10%) DELTA*(10%), SCB(10%)
Technical : CCET, IP
News Comment:
( - ) Bank (Neutral) Moody’s ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์ไทย 7 แห่ง ต่อจากลด Outlook ประเทศ
Results Review:
( 0 ) SCC (ถือ/เป้า 140.00 บาท) 1Q25 ดีกว่าตลาดคาด; Spread ฟื้นตัวแต่ภาพรวมตลาดยังคงอ่อนแอใน 2Q25E
Company Update:
( + ) AURA (ซื้อ/เป้า 21.00 บาท) กำไร 1Q25E มีลุ้น new high จาก high season และราคาทองขึ้น
( + ) SJWD (ซื้อ/เป้า 10.30 บาท) กำไร 1Q25E จะดีขึ้นกว่าคาด จากธุรกิจขนส่งและกำไร JV ดีขึ้น
( + ) MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) 1Q25E พลิกกลับมาเป็นกำไรได้ และ 2Q25E จะทำจุดสูงสุดของปี
( 0 ) PTG (ปรับขึ้นเป็น ซื้อ/เป้า 8.50 บาท) 1Q25E กำไรสะดุด แต่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
( 0 ) KLINIQ (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 35.00 บาท) กำไร 1Q25E โต YoY จากขยาย 8 สาขาและ SSSG +10%
( 0 ) SUN (ซื้อ/เป้า 4.40 บาท) กำไร 1Q25E ลงเล็กน้อย YoY, เพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล