• คาดดัชนีฯ มีแรงขายทำกำไร อาจมีปรับฐานหากยังไม่มีข่าวบวกช่วยหนุน

  ตลาดหุ้นไทย คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับฐาน มองกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 1240-1280 จุด หลังดัชนีฯและราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นมามาก เริ่มมีแรงขายทำกำไรของต่างชาติให้เห็น นอกจากนี้ แรงขายหลังส่งงบจบ ก็ถือเป็นปกติของตลาด ขณะเดียวกัน ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้ามี event หลายตัวที่นักลงทุนรอคอย และมีผลต่อทิศทางตลาด

ปัจจัยและเหตุการณ์สำคัญ :

ปัจจัยต่างประเทศ

• กระแส Fund Flow เริ่มไหลออกจากตลาด Asia บ้างแล้ว จากที่มีแรงซื้อ 3 ตลาดหลัก (เกาหลีใต้-ไทย-ไต้หวัน) สัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือเพียงไต้หวัน ที่ยัง net buy อยู่ ตลาดหุ้นไทยอาจถูกกระทบจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศในภูมิภาคนี้ด้วย หลังตัวเลขเงินเฟ้อ(PPI) ออกมาแรงเกินคาด

• ผลการหารือในการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน ยังไม่มีข้อสรุปอย่างมีนัยสำคัญ วันนี้(18 ส.ค.) เซเลนสกี เตรียมเยือน วอชิงตัน หารือกับ โดนัลด์ ทรัมป์ในประเด็นดังกล่าว

• นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการค้าสหรัฐฯ หลังมีความคลี่คลายไปมากแล้ว จากนี้คอยติดตามอัตราภาษีรายสินค้า และการเจรจากับประเทศหลักอย่างอินเดียและจีน

• Jackson Hole Meeting :  จะมีการประชุมสัมมนาเศรษฐกิจประจำปีที่ Jackson Hole, Wyoming ซึ่งจะเป็นการรวมผู้นำธนาคารกลางทั่วโลก  ช่วง 21-23 ส.ค.68 โดยประธาน Fed จะขึ้นพูด 22 ส.ค. จะเริ่มในวันพฤหัสบดี ประเด็นสำคัญคือคำกล่าวของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ในวันศุกร์ ในหัวข้อ “Economic Outlook and Framework Review” คาดว่า Fed จะเปิดเผยกรอบนโยบายใหม่สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน และแนวโน้มการประชุม FOMC 17 ก.ย.

ปัจจัยในประเทศ :

• วันนี้(18 ส.ค.) สภาพัฒน์ เตรียมรายงาน GDP ไตรมาส 2/68 (คาดการณ์ 2.7%) และอาจมีการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ปี 2568-69 จากปัจจัยผลการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา ขยายตัวที่ 3.1%

• การเมืองจะกลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นอีกครั้ง จากประเด็นสำคัญต้องจับตา คือ ศาลฎีกานัดตัดสินคดี ม.112 ของนายทักษิณในวันที่ 22 ส.ค. และการตัดสินคดีของนายกฯ โดยศาล รธน. ในวันที่ 29 ส.ค ซึ่งอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงขึ้น และนักลงทุนมีแนวโน้มปรับลดกรอบการลงทุนให้สั้นลง หลังจบการรายงานงบและการขึ้น “XD”

• สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3 เรียบร้อย จากนี้รอมติจากวุฒิสภา(25-26 ส.ค.) และทูลเกล้าฯ เพื่อบังคับใช้ต่อไป(8 ก.ย.) ขั้นตอนการจัดทำงบประมาณเป็นไปตามกำหนด แม้นายกฯ ถูกพักปฏิบัติหน้าที่ ดีต่อมาตรการเศรษฐกิจที่ออกได้เร็วขึ้น และบวกกับตลาดหุ้น

• สิ้นสุดกำหนดการส่งงบตลาด 2Q25 โดย กำไร SET จบที่ 3.38 แสนลบ. +31.6% yoy ; +22.7% qoq ; รวมกำไรของ THAI (12,124 ลบ.)  และ GULF (63,871 ลบ.) ..... หากตัด GULF  ออก จะมีกำไร 2.74 แสนลบ. +6.7% yoy ; -0.4% qoq .... หลังจากนี้ให้ติดตามบทวิเคราะห์หุ้นรายตัวว่าจะมีการ Upgrade หรือ Downgrade ตามงบที่ออกมาของหุ้นนั้นๆ

• สัปดาห์นี้ คาดว่า ธนาคารต่างๆ จะทยอยประกาศเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นธนาคาร ถ้า เงินปันผลจ่ายรอบนี้ สูงหรือต่ำกว่าที่คาดกันไว้

• Event สัปดาห์นี้ : GDP Q2/68 ไทย(18), ยอดขายรถยนต์ เดือนก.ค.(18), ตัวเลขเคลมการว่างงานสหรัฐฯ(21), ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ(21)

 

• ดัชนีฯ ยังไม่สามารถผ่าน 1280 จุด (ปิด 1266 จุด) จึงต้องระวังการปรับฐาน (จุดรับต่อไปอาจ 1240 จุด)

• กลยุทธ์หลัก: ทยอยขายหุ้นออกมาบ้าง รอจังหวะซื้อรอบใหม่ เมื่อตลาดพลิกตัวกลับ หรือลงไปที่แนวรับสำคัญ

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ CPF ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย DELTA*(10%), KTC*(10%), KBANK(10%), TRUE*(10%)

 

( - ) Energy (Neutral) ราคาน้ำมันลงหลังความกังวลต่ออุปทานขัดข้องลดลงหลังการพบกันระหว่างประธานาธิบดี US และรัสเซีย

 

( + ) Tourism (Neutral) รบ.ดึง'ลิซ่า'บูมเที่ยวไทย นั่งแบรนด์แอมบาสเดอร์, รัฐบาลชวนเที่ยวตามรอยซีรี่ส์ดัง "Alien : Earth"

 

( - ) CENTEL (ถือ/เป้า 29.00 บาท) 2H25E ถูกกดดันจาก 2 โรงแรมใหม่มัลดีฟส์ ที่ขาดทุนมากกว่าคาด

( 0 ) OR (ขาย/เป้า 12.50 บาท) คาด GP/litre ทรงตัวต่ำใน 2H25E; ปริมาณขาย 3Q25E อ่อนตัว

( 0 ) SAT (ถือ/เป้า 13.80 บาท) 2H25E ทยอยฟื้นตัวได้ จากคำสั่งซื้อใหม่ และ GPM ดีขึ้น