logo
search
flag-th
share-icon

SPRC (ถือ/เป้า 13.30 บาท)

News Flash
     แผนลงทุนต่อยอดไปในธุรกิจปิโตรเลียมปลายน้ำ SPRC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (BOD) ของบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยรวมถึง
1) การเข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทเป้าหมาย) (ซึ่งชื่อบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนวันธุรกรรมเสร็จสิ้น) จาก Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL), CT Nominee Holdings (I) (CTN1) และ CT Nominee Holdings (II) (CTN2) โดยบริษัทเป้าหมายเป็นบริษัทที่จะทำการเข้าซื้อ
1.1) ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปัจจุบันดำเนินการโดย บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด (CTL) โดยมีธุรกิจสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ (Caltex 427 แห่ง แบ่งเป็น สถานีบริการน้ำมันแบบผู้ค้าปลีกเป็นเจ้าของและดำเนินการ (RORO) 403 แห่ง และ สถานีบริการน้ำมันแบบบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโดยผู้ค้าปลีก (CORO) 24 แห่ง)  
1.2) หุ้น 16 ล้านหุ้น หรือ 2.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด มหาชน (BAFS) (เราแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท)
2) การเข้าซื้อหุ้นสามัญ 2.88 ล้านหุ้นและหุ้นบุริมสิทธิ 5.53 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) จาก CAPHL โดยบริษัท Thappline ประกอบธุรกิจขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง (ทั้งนี้บริษัท Thappline มี PTT Oil and Retail Business PLC (OR) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดประมาณ 40%)
3) การลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นและการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทจำกัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ 2 บริษัท โดยหนึ่งในบริษัทใหม่นี้จะเข้าซื้อที่ดิน 19 แปลงซึ่งเป็นที่ดินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ซึ่งรวมถึง สถานีบริการน้ำมันและคลังน้ำมัน) จากบริษัท สตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC)
ทั้งนี้ธุรกรรมนี้อาจจะมีมูลค่ารวม 5.6 พันล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 1) มูลค่าหุ้นบริษัทเป้าหมาย (2.2 พันล้านบาท), 2) เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ (2.4 พันล้านบาท, ตัวเลข ณ สิ้นปี 2021) และ 3) เงินลงทุนในบริษัทใหม่ (1.0 พันล้านบาท) โดยบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในบริษัท และ/หรือแหล่งเงินทุนภายนอกจากเงินกู้สถาบันการเงิน โดยบริษัทคาดว่าธุรกรรมนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.2024 ทั้งนี้ CTL และ SHC จะทำการปรับโครงสร้างธุรกิจก่อนการเข้าซื้อหุ้นของ SPRC
     เงื่อนไขการเข้าทำรายการ ในการเข้าทำธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหุ้น) SPRC จะเข้าทำ 1) สัญญา Framework agreement (FA) โดยสัญญา FA มีวัตถุประสงค์ในการกำหนดกรอบขั้นตอนการดำเนินการของธุรกรรมและสัญญาต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยคู่สัญญา ประกอบด้วย ผู้ซื้อ (SPRC) และผู้ขาย (CAPHL, CTN1, CTN2, SHC และ CTL) 2) สัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทเป้าหมายและ Thappline และภายหลังได้จัดตั้งบริษัทใหม่ 1 เรียบร้อยแล้ว บริษัทใหม่ 1 จะเข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ทั้งนี้ SPRC ต้องได้รับคำอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมด โดยไม่นับคะแนนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้วัน Ex-meeting (XM) เป็นวันที่ 19 ธ.ค.2022 (ที่มา: SET)
Implication
     มองบวกต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวนี้ โดยเรามองว่าการลงทุนในรูปแบบของการบูรณาการแนวตั้ง (vertical integration) นี้จะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตไปกับธุรกิจปิโตรเลียมปลายน้ำได้คล่องตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดี จากตัวเลขการดำเนินงานที่ยังไม่อัพเดต ทำให้เรายังไม่สามารถประเมิน valuation จากการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเป้าหมาย (เชฟรอน ลูบริแคนท์  และ Thappline) ได้อย่างชัดเจน
     อาจจะเป็นปัจจัยการเติบโตใหม่บริษัท หากธุรกรรมนี้สำเร็จ เราประเมินกำไร 2024E ที่เป็นไปได้เบื้องต้นที่ประมาณ 0.85 พันล้านบาทเทียบกับกำไรของ SPRC ปี 2023E ที่ 6.4 พันล้านบาท จาก 1) 100% holding ในธุรกิจสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ (Caltex 427 แห่ง) คาดประมาณ 0.7 พันล้านบาท (บนสมมติฐาน การเติบโตของรายได้เสมือน (proforma) ของบริษัทเป้าหมายปี 2022E-2024E ที่ +60%/+10%/-10% จากรายได้ proforma ของบริษัทที่ 8.70 หมื่นล้านบาทในปี 2021 และอัตรากำไรสุทธิปี 2024E ที่ 0.5% ระดับเท่ากับในปี 2019), 2) รายได้เงินปันผลที่เป็นไปได้จากการถือหุ้น 2.5% ใน BAFS ประมาณ 12 ล้านบาท (คิดบน 2024E EPS ของ BAFS ที่ 0.77 บาทต่อหุ้น) และ 3) รายได้เงินปันผลที่เป็นไปได้จากการถือหุ้น 9.9% ใน Thappline ประมาณ 59 ล้านบาท (บนสมมติฐานอัตราการจ่ายปันผลที่ 40% และกำไร 2024E ของ Thappline ที่ 1.5 พันล้านบาท)
     คงกำไรสุทธิ 2022E/2023E ที่ 9.5/6.4 พันล้านบาท (+101%/-33% YoY) และมองว่ากำไรจะสามารถฟื้นตัว QoQ ได้ใน 4Q22E ตามการฟื้นตัวของค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ซึ่งเป็นผลจากพรีเมียมน้ำมัน (crude premium) ที่ลดลง อย่างไรก็ดี จากระยะเวลาในการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างยาวนาน (18 เดือน) อีกทั้งธุรกรรมยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เราจึงยังไม่ได้รวมผลกระทบจากดีลนี้เข้าในประมาณการกำไรของเรา เราอาจจะอัพเดตเพิ่มเติมหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กับทางบริษัท
     ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับเต็มมูลค่าแล้ว คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย 13.30 บาท อิง PBV เป้าหมายที่ 1.22x (เท่ากับ -0.4SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
 
 

กลับสู่ด้านบน

combo-icon
certified

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

DAOL Contact Center 0 2351 1800contactcenter@daol.co.th

DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

logo

and our member companies

บริษัทหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรีท แมเนจเมนท์บริการสินเชื่อ

©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์