News Flash
- การประท้วงเริ่มรุนแรงและบานปลายขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2025 ในกรุงจาการ์ตา จากความไม่พอใจต่อข้อเสนอการขึ้นค่าที่พักรายเดือนของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งคิดเป็น 10 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำในเมืองหลวง จุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในสังคม และยิ่งทวีความตึงเครียดเมื่อเกิดเหตุรถหุ้มเกราะของตำรวจชนคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างจนเสียชีวิต การประท้วงได้ลุกลามไปยังหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีรายงานจากสื่อท้องถิ่นว่า เมื่อวันศุกร์ มีการวางเพลิงอาคารรัฐสภาในจังหวัดสุลาเวสีใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ขณะที่ในเช้าวันเสาร์ อาคารรัฐสภาท้องถิ่นในจังหวัดนูซาเติงการาตะวันตก ชวากลาง และชวาตะวันตก ก็ถูกวางเพลิงเช่นกัน โดยตำรวจจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่ รวมถึงเกาะบาหลีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
- ประธานาธิบดีต้องยกเลิกกำหนดการเยือน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียประกาศยกเลิกแผนการเดินทางเยือนจีนเนื่องจากการประท้วงที่ลุกลามออกนอกกรุงหลังมีกำหนดการเพื่อเข้าร่วมพิธีสวนสนาม “วันแห่งชัยชนะ” ในจีนในวันที่ 3 ก.ย.2025 นี้ ซึ่งเป็นงานรำลึกครบรอบ 80 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากญี่ปุ่นยอมแพ้อย่างเป็นทางการ (ที่มา: Bangkokbiz, แนวหน้า)
Implication
- เรามองเป็นลบต่อหุ้นที่มีธุรกิจในอินโดนีเซีย และมีลูกค้าจากอินโดนีเซีย จากความไม่สงบทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการบริโภคของอินโดนีเซีย ดังนั้น เราจึง list หุ้น/Sector ที่มีความเสี่ยงและอาจได้รับผลกระทบ ได้แก่
( - ) BANPU (ขาย/เป้า 4.20 บาท) EBITDA จากธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียคิดเป็นประมาณ 45%-52% ของ EBITDA รวม แต่เหมืองส่วนใหญ่อยู่บนเกาะกาลิมันตัน
( - ) SCGP (ขาย/เป้า 15.00 บาท) รายได้จากธุรกิจในอินโดนีเซียคิดเป็น 14% ของรายได้รวม
( - ) MASTER (ถือ/เป้า 13.00 บาท) สัดส่วนรายได้ลูกค้าอินโดนีเซีย 12% ของรายได้รวม แต่ปัจจุบันลูกค้ายังไม่มีการยกเลิก
( - ) BBL (ซื้อ/เป้า 168.00 บาท) มีความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานของธนาคาร Permata ที่อินโดนีเซีย (สัดส่วนสินเชื่ออยู่ที่ 11% ของสินเชื่อรวม) ไม่เป็นไปตามคาด
( - ) SCC (ขาย/เป้า 150.00 บาท) รายได้จากธุรกิจในอินโดนีเซียคิดเป็น 7% ของรายได้รวม
( - ) SAPPE (ถือ/เป้า 36.50 บาท) รายได้จากอินโดนีเซียประมาณ 5% ของรายได้รวม
( - ) SNNP (ซื้อ/เป้า 12.50 บาท) รายได้จากอินโดนีเซียต่ำกว่า 1% ของรายได้รวม