SET Outlook
• คาดตลาด อาจมี rebound ช่วงเช้า แต่ภาพใหญ่ๆ ยังดูอึมครึม ดัชนีฯมีโอกาสปิดลบ ตัวถ่วงหลักๆมาจากปัจจัยต่างประเทศ และเข้าสู่การรายงานกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลก
• ภาพใหญ่ของตลาด เป็นไปตามคาด คือยังไม่ผ่าน 1500 จุด และจะปรับฐานก่อน โดยปัจจัยลบหลายตัวที่เข้ามา (Bond Yield , ดอลล่าร์แข็ง (Dollar Index 104.2) , กำไร บจ. , เลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ตะวันออกกลาง ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินลงทุนหลักของโลก และไทย ก็โดนกระทบจากเรื่องนี้ .. ประเมินดัชนีฯ กลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน อีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1470 และ 1438 จุด
• ตลาดไทยลงแรงกว่าที่อื่นๆ ทั้งนี้ ดัชนีฯ ปรับตัวก่อนเข้าวันหยุดถึง 18 จุด แยกเป็นกลุ่มหลักๆ ที่ลากดัชนีฯ คือ กลุ่ม GULF ประมาณ 6 จุด และหุ้นธนาคาร ที่โดนกระหน่ำขายหลังส่งงบ อีกราว 3 จุด ส่วนที่เหลือ กระจายไปในหุ้น BDMS , PTTEP และตัวใหญ่อื่นๆ .....เรามองว่า การปรับตัวลงส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไรหลัง มีปัจจัยลบหลายตัวเข้ามาในตลาด และความสั่นสะเทือนในเรื่อง การพุ่งขึ้นของ bond Yield ของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดวันนี้ หุ้นเหล่านี่ จะมีการ rebound ได้ช่วงสั้นๆ
• ตลาดพันธบัตร สหรัฐฯ ที่เกิดความปั่นป่วนขึ้น โดยแรงขายที่เข้ามา ทำให้ Bond Yield 10 ปี กระชากขึ้นไปแตะ 4.24% จากโอกาสที่ Fed ลดดอกเบี้ยได้ช้าลง และข่าวใหม่ คือ Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง (หนี้สาธารณะจะสูงขึ้นกว่าคาด ; ล่าสุด $35 ล้านล้านเหรียญ) และความเสี่ยงจากสงคราม(ตะวันออกกลาง) ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง แม้กระทั่ง พันธบัตรรัฐบาล ถูกขายออกมาทั่วโลก แต่สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ คือ ทองคำ (เราแนะนำให้ถือทอง(บาท)) และ Bitcoin
• สถานการณ์ตะวันออกกลาง มีการตอบโต้ของคู่สงคราม ฮิซบอลเลาะห์ และอิสราเอล ที่ยังรุนแรง ต้องจับตาดูสหรัฐฯ ส่งตัวแทนเข้าไปยังซาอุฯ และประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อยับยั้งความรุนแรง หรือหาทางให้สองฝ่ายหยุดยิง (แต่ไม่มีประเด็นของอิหร่าน) ……. จากข่าวที่หลุดออกมาว่า อิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านก่อนสหรัฐฯเลือกตั้ง (5 พ.ย.) เป็นตัวแปรที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ต่อไป
• รัฐบาลเล็งเก็บภาษีรถติด ขอเวลาศึกษา 1 ปี มีแผนเก็บภาษีตามเส้นทางแนวรถไฟฟ้าก่อน คาดจ่าย 40-50 บาทต่อวัน ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นแหล่งเงินของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และยังจะมีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน เพื่อซื้อคืนสัมปทานจากเอกชน
• คลังเผยหารือททท. เตรียมออกโครงการเสมือนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยรัฐบาละสนับสนุน 40% และนักท่องเที่ยวอีก 40% หรือคนละครึ่ง คาดดำเนินการปลายปีนี้ .... กลุ่มโรงแรมและร้านอาหารจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้
• ธนาคารรายงานกำไรไปแล้ว โดยรวมๆ นักลงทุนกังวลเรื่อง NPLs ในอนาคต มากกว่าเรื่องอื่นๆ จึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มนี้ตามมา (แม้หุ้นกำไรดี ก็ถูกขาย) จากนี้ไปจะเป็นคิวของกลุ่ม SCC (SCC, GLOBAL, SCGP) ที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมามากสะท้อนกำไรที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ (ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม)
• Event สำคัญวันนี้ : ตัวเลขเคลมการว่างงาน, ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ
Strategy
• จากที่ประเมินว่า ดัชนีฯ อาจกลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน อีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1470 และ 1438 จุด...... ถ้าวันนี้ ดัชนีฯ ยังปรับตัวลงต่อ เราแนะให้ปรับกลยุทธ์ เป็น “ขาย” เพื่อไปรอจังหวะซื้อรอบใหม่
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ WHA, BDMS และ MTC ออก และนำ CPAXT เข้ามา หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CPAXT(10%), TRUE*(10%), CPALL(10%)
Technical : PRM, ITC
News Flash:
( 0 ) Tourism (Neutral) นักท่องเที่ยวล่าสุดทรงตัว WoW จากจีน, อินเดีย, รัสเซียเพิ่ม แต่มาเลเซียลด
Company Update:
( + ) MAGURO (ซื้อ/เป้า 21.40 บาท) กำไร 3Q24E ทุบสถิติใหม่จากรายได้ ATH และ GPM ขยายตัว
( - ) SNNP (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 17.00 บาท) คาดกำไร 3Q24E โตชะลอลง จากรายได้ต่างประเทศ
( - ) OSP (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 26.00 บาท) กำไรปกติ 3Q24E โต YoY ลดลง QoQ จากตั้งสำรองโรงงานพม่า
( 0 ) AURA (ซื้อ/เป้า 16.70 บาท) กำไร 3Q24E ยังโตดี YoY, ลด QoQ จากราคาทองกลับมาทรงตัว
( 0 ) KKP (ถือ/เป้า 50.00 บาท) Credit cost ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่สินเชื่อยังคงหดตัวลงต่อ
กลับสู่ด้านบน
DAOL Contact Center Address เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซีทาวเวอร์ ชั้นที่ 18 ออลซีซั่นส์เพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
©2025 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สงวนลิขสิทธิ์