SET Outlook
มีแนวโน้มบวกต่อ หลังจากที่ดัชนีฯ วิ่งเข้าใกล้ 1300 จุด ซึ่งหากผ่านไปได้จะเป็นสัญญาณบวกอีกครั้ง แรงหนุนหลักมาจากการรายงานผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารที่ออกมาดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ปัจจัยในประเทศ
• มาตรการ Quick Big Win: รัฐบาลทยอยออกมาตรการตามนโยบาย 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ทั้งในส่วนของกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดหย่อนภาษี รวมถึงมาตรการด้านพลังงานซึ่งจะเข้าที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า .... เรายังติดตามมาตรการอื่นๆ ที่คาดว่าจะมีการประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง
• การหารือ ส.อ.ท. - ธปท.: ส.อ.ท. เสนอให้ ธปท. ดูแล 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การค้าทองคำ การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี่ และการเคลื่อนย้ายทุนสีเทา ส.อ.ท. ชี้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันควรอยู่ที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยรวมถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่บางแห่งที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 11% โดย BBL และ KBANK นำเด่นในเรื่องของงบงวดนี้
• Fund Flow : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,341 ล้านบาท ในตลาดหุ้นไทย (SET+MAI) และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 2,904 ล้านบาท เงินบาทปิดที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยต่างประเทศ:
• สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน: ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในระหว่างการประชุมร่วมกันที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้ (การเจรจาระดับรัฐมนตรีก็มีกำหนดติดตามที่มาเลเซียในปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน ก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะพบกันที่การประชุม APEC เกาหลีใต้)
• ราคาทองคำและโลหะเงินดิ่งเหว: ราคาทองคำเผชิญกับการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 12 ปี ในขณะที่โลหะเงินร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ท่ามกลางการเทขายในตลาดวงกว้าง หลังจากที่ราคาสินทรัพย์ทั้งสองพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์
• ข้อเสนอสันติภาพ : ชาติยุโรปกำลังร่วมมือกับยูเครนในการจัดทำ ข้อเสนอ 12 ข้อ เพื่อยุติสงครามของรัสเซีย ตามแนวรบปัจจุบัน โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการสันติภาพซึ่งมี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เป็นประธาน จะดูแลการดำเนินการตามแผนนี้ ... ข่าวนี้ ดีต่อตลาดโลก โดยเฉพาะยุโรป หุ้นไทยได้ประโยชน์หากสงครามยุติ คือ MINT, KCE
• Government Shutdown สหรัฐฯ: สว.ฝั่งพรรครีพับลิกันยังคงยืนยันไม่เห็นด้วยกับพรรคเดโมแครต ในการโหวตร่างงบประมาณชั่วคราว รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการจ่ายเงินให้พนักงานที่ถูกพักงานทั้งหมด พร้อมระบุความรับผิดชอบจากการปิดรัฐบาลเป็นของพรรคเดโมแครตทั้งสิ้น การซัตดาวน์ครั้งนี้ยาวนานมากกว่า 20 วันแล้ว เป็นรองเพียงแค่ในปี 2018(34วัน)
• ตลาดหุ้นจีน : ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 1.36% โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
• การเมืองญี่ปุ่น: นางซานาเอะ ทาคาอิจิ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลังได้รับเสียงโหวต 237 จาก 465 เสียง ซึ่งถือเป็นการผ่านมติเสียงส่วนใหญ่ตั้งแต่การลงมติครั้งแรก
ตัวเลขเศรษฐกิจและ Event
• CH-การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนเต็มคณะครั้งที่ 4
• JN-Exports YoY งวด ก.ย
Strategy
• คืนที่ผ่านมา ตลาดต่างประเทศมีความหวังในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน จุดพลุให้ตลาดหุ้นพุ่ง ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลง ด้านไทยได้ตัวช่วยคือหุ้นธนาคารหลังงบออกมาดี ดัชนีฯ วิ่งเข้าใกล้ 1300 จุด หากผ่านจะเป็นสัญญาณบวกอีกครั้ง
• กลยุทธ์หลัก : เก็งกำไรช่วงสั้นๆ เก็บหุ้นใหญ่ที่คุณภาพดี(แนวโน้มธุรกิจ+ผลประกอบการ)
• หุ้นในพอร์ตแนะนำ : เรานำ OR, DELTA* เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย คือ OR(10%), DELTA*(10%), CRC*(20%), PTTEP(20%), ADVANC(20%)
Technical : MTC, CCET
Results Review:
( + ) KBANK (ปรับขึ้นเป็น ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 195.00 บาท) กำไร 3Q25 ดีกว่าคาด, NPL เริ่มมีแนวโน้มลดลง
( + ) KTB (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 30.00 บาท) กำไรสุทธิ 3Q25 ดีตามตลาดคาด, NPL ลดลงได้ดี
( + ) SCB (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 150.00 บาท) กำไร 3Q25 ดีกว่าตลาดคาด, แนวโน้ม NPL ลดได้ดี
( + ) BBL (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 177.00 บาท) 3Q25 ดีกว่าคาดจากกำไรจากเงินลงทุน, NPL ปรับตัวลดลง
( 0 ) TTB (ถือ/เป้า 2.00 บาท) กำไรสุทธิ 3Q25 ดีกว่าคาด แต่กังวล NPL
Company Update:
( + ) GFPT (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 13.70 บาท) 3Q25E ได้อานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบลง แม้มีประเด็นแรงงาน
( - ) Food & Beverage (Neutral) ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ก.ย. ชะลอตัว, กำไรกลุ่ม 3Q25E ชะลอตัว YoY, QoQ
( 0 ) OSP (ซื้อ/เป้า 20.00 บาท) กำไรปกติ 3Q25E โต YoY จาก GPM ขยายตัว
( 0 ) PLANB (ซื้อ/เป้า 5.50 บาท) กำไร 3Q25E โต QoQ จากรายได้ขยายตัว