เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงกลั่นมีความน่าสนใจมากที่สุด จากผลประกอบการ 4Q25E ที่จะแข็งแกร่ง โดยเราเลือก TOP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) เป็น Top pick โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
- กลุ่มโรงกลั่นมีแนวโน้มได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่แข็งแกร่งใน 4Q25E ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่เป็นไปได้และพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่สูง ทั้งนี้ เราเชื่อว่าผลจากการคว่ำบาตร (sanction) บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียจะช่วยให้ diesel crack ยืนสูงได้ต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึง 1Q26E
- กลุ่มพลังงานต้นน้ำมีแนวโน้มที่จะทรงตัว แม้ราคาพลังงานอาจจะอ่อนตัว YoY ในปี 2026E ตามอุปทานที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่โตในอัตราที่ต่ำ แต่น่าจะถูกชดเชยด้วยปริมาณขายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2026E จะลดลงเป็น USD0/bbl จากระดับ USD68.5bbl ในปี 2025E
- กลุ่มพลังงานปลายน้ำ มีแนวโน้มที่ทรงตัว YoY ตามค่าการตลาด (marketing margin) อย่างไรก็ดี แรงกดดันต่อ marketing margin น่าจะลดลงหลังกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (oil fuel fund) มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นมากในปี 2025E
ดัชนีกลุ่มพลังงานปรับตัวลง -16% และ underperform SET –5% ในช่วง 12 เดือน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว ทั้งนี้ เราเลือก TOP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่มพลังงานโดยเราเชื่อว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากแนวโน้ม crack spread ที่แข็งแกร่งใน 4Q25E ขณะที่ แผนการลดหนี้ (deleveraging plan) ดำเนินไปได้ด้วยดี