เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” โดยเราคาดกำไรสุทธิรวม 1Q24E ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท (+3% YoY, +21% QoQ) โดยเพิ่มขึ้น YoY เกิดจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เยอะเพราะมี OPEX ที่ลดลงตามฤดูกาล และมีการตั้งสำรองฯที่ลดลง โดยเฉพาะ KTB และ TTB โดยธนาคารที่มีกำไรสุทธิ 1Q24E เติบโตได้ดีทั้ง YoY, QoQ คือ TTB, KTB, SCB, BBL และ KBANK ขณะที่สินเชื่อรวม 1Q24E จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +0.6% YoY แต่ทรงตัว QoQ เพราะสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐยังมาไม่มาก แต่สินเชื่อรายย่อยโตได้เล็กน้อย ส่วน NPL รวมจะทยอยเร่งตัวเพิ่มขึ้นใน 1Q24E มาอยู่ที่ 3.01% จาก 4Q23 ที่ 2.92% แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารปี 2024E อยู่ที่ 2.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น +5% YoY ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากปี 2023 ที่ +18% YoY เพราะ NIM ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 4Q23 และจะเริ่มทยอยหดตัวลงเพราะเงินฝากประจำที่ทยอย rollover อย่างไรก็ดี ด้านสำรองฯเราคาดว่าจะลดลง -9% YoY จากปี 2023 ที่เพิ่มขึ้น +17% YoY เพราะมีการตั้งเผื่อมาเยอะแล้ว และมีการตั้งเผื่อรายใหญ่รายหนึ่งที่มีปัญหาไปบางส่วนแล้วตั้งแต่ปี 2023

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารทรงตัวเมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา เพราะแรงกดดันที่จะให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุม กนง. วันที่ 10 เม.ย. 24 ขณะที่เรายังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” จากกำไรปี 2024E ที่เริ่มโตน้อยลง แต่ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.67x 2024E PBV (-1.0SD below 10-yr average PBV) โดยหุ้น top picks เราชอบ KBANK และ TTB โดย KBANK (ซื้อ/เป้า 155.00 บาท) จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และ valuation ที่ 0.55x PBV (-1.50SD) ถูกกว่ากลุ่มที่ 0.64x PBV และถูกกว่า SCB ที่ 0.81x PBV และ TTB (ซื้อ/เป้า 2.10 บาท) เพราะกำไรสุทธิปี 2024E อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ดีสุดในกลุ่ม +13% YoY ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PBV ที่ 0.73x (-1.00SD) และยังมี Dividend yield ที่ 6-7%