News Flash
ส่งออก เม.ย. 2025 โต YoY แต่ชะลอ MoM ตามคาด กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกสำคัญดังนี้
1) ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน เม.ย. 2025 อยู่ที่ 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+10% YoY, -11% MoM) และตัวเลข 4M25 อยู่ที่ 1,067 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+12% YoY)
2) ส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือน เม.ย. 2025 อยู่ที่ 277 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (-1% YoY, -7% MoM) และตัวเลข 4M25 อยู่ที่ 1,189 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+1% YoY)
3) ส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและไก่แปรรูปเดือน เม.ย. 2025 อยู่ที่ 356 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+9% YoY, -4% MoM) และตัวเลข 4M25 อยู่ที่ 1,477 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+9% YoY)
4) ส่งออกยางพาราเดือน เม.ย. 2025 อยู่ที่ 432 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+23% YoY, -19% MoM) และตัวเลข 4M25 อยู่ที่ 2,008 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+30% YoY)
(ที่มา: กระทรวงพาณิชย์)
Implication
เรามีมุมมองเป็นกลางต่อตัวเลขส่งออก เม.ย. 2025 โดยขยายตัว YoY จากฐานต่ำสถานการณ์ inventory ปรับตัวดีขึ้น และการขยายผลิตภัณฑ์และลูกค้าใหม่ แต่กลับมาอ่อนตัว MoM ตามคาด จากปัจจัยฤดูกาลของวันหยุดยาว การเร่งคำสั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้า รวมถึงลูกค้าบางส่วน wait & see เพื่อรอดูสถานการณ์นโยบาย tariffs หลังจากที่มีการประกาศนโยบายต้นเดือน เม.ย. และเลื่อนใช้ 90 วัน
สำหรับ 2Q25E 1) กลุ่ม Pet Food เราประเมินกำไรปกติจะชะลอ QoQ จากผลกระทบนโยบาย tariffs รวมถึงแนวโน้ม ITC เริ่มเห็นผลกระทบเกณฑ์ GMT, 2) TU เบื้องต้นประเมินกำไรปกติจะอ่อนตัว YoY และทรงตัว QoQ จากลูกค้าบางส่วนที่อาจชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ รวมถึงมีโอกาสเห็นผลกระทบจากเกณฑ์ GMT มากขึ้น, 3) NER กำไรปกติกลับมาอ่อนตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและลูกค้าบางส่วนเร่งคำสั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้, และ 4) GFPT กำไรปกติจะลดลง QoQ จากปริมาณส่งออกลดลงตามฤดูกาลและลูกค้ายุโรปเร่งคำสั่งซื้อไปแล้วก่อนหน้า แต่จะถูกชดเชยบางส่วนจากต้นทุนวัตถุดิบทรงตัวต่ำ
ทั้งนี้กลุ่ม Pet Food เราคงน้ำหนัก “Neutral” และ Top pick ได้แก่ AAI (ซื้อ/เป้า 6.00 บาท) หลังกำไรปกติ 1Q25 ดีกว่าคาด นอกจากนี้มีปัจจัยหนุนจากแผนซื้อหุ้นคืน
สำหรับหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม Agri & Food เราแนะนำ
- TU (ถือ/เป้า 10.50 บาท) จากปี 2025E ยังมีปัจจัยท้าทายจากนโยบาย tariffs ของสหรัฐฯ SG&A ทรงตัวสูงจากการลงทุน transformation ต่อเนื่อง และผลกระทบจากเกณฑ์ GMT
- NER (ถือ/เป้า 5.00 บาท) โดยผลการดำเนินงาน 2H25E มีโอกาสเห็นผลกระทบมากขึ้นจากประเด็น tariffs ขณะที่การขยายกำลังการผลิตโรงงานใหม่ในไทยล่าช้าจากแผนเดิม
- GFPT (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท) โดยบริษัทได้รับผลกระทบจากนโยบาย tariffs ของสหรัฐฯ จำกัด และมีโอกาสได้อานิสงส์หากรัฐบาลมีนโยบายนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพด จากสหรัฐฯ มากขึ้น