ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 8.50 บาท (เดิม 12.00 บาท) อิง PER 20X (เดิม 25X) เทียบเท่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม หรือเทียบเท่า PEG 0.6X (อิงการเติบโต +32% CAGR 2024-26E) derated ลงจากความไม่แน่นอนต่อกำลังซื้อในอนาคต คาดตลาดต้องการ discount ที่มากขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง และสะท้อนการปรับประมาณการใหม่หลังพบข้อมูล SSSG QTD ติดลบราว -10-15%
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 64 ล้านบาท (+48% YoY, +62% QoQ) ใกล้เคียงตลาดและเราประเมิน โดยรายได้รวมทำได้ 708 ล้านบาท (+33% YoY, +3% QoQ) SSSG flat แต่ได้การขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุน ในขณะที่ GPM +2ppt YoY, +3ppt QoQ ดีขึ้นจากการต่อรองราคากับ suppliers และบริหาร yield ของวัตถุดิบ ในขณะที่ SG&A (+37% YoY, -2% QoQ) YoY จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วน QoQ ลดลงหลังไม่มีค่าใช้จ่าย IPO, และงานเปิดตัว Brand Admirer
ทั้งนี้จากข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัทถึง SSSG QTD ติดลบในกรอบ -10-15% โดย Ticket size ยังทรงตัวแต่จำนวนลูกค้าลดลงคาดเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้บริษัทมีกลยุทธ์ในการรับมือผ่านการทำ product reengineering, การออกสินค้าใหม่ให้ราคาจับต้องง่ายขึ้นแต่ยังคงคุณภาพ และการทำกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ โดยยังคงเป้า SSSG ในปี 2025E +2-5% ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตามเราค่อนข้างกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2H25E จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E-26E ลงมาที่ 260 ล้านบาท (+29% YoY) และ 353 ล้านบาท (+36% YoY) ลดลงจากประมาณการเดิมเฉลี่ยราว -9% ปรับสมมติฐานหลัก SSSG เป็น -5% จากเดิม flat ทั้งนี้ผลประกอบการปี 2025E ยังเติบโตได้จากการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม (โอ้กะจู๋ 6-7 สาขา, Oh! Juice 8-11 สาขา, และ Joe Wings 5 สาขา)
ราคาหุ้น outperform SET ราว +4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดเป็นการ rebound หลังงบ 1Q25 มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจาก 4Q24 ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง อย่างไรก็ตามแนวโน้มเศรฐกิจในช่วง 2H25E เป็นสิ่งที่เรากังวลและยังมีความไม่แน่นอนสูง ประเมินตลาดจะเข้าสู่ wait and see mode ทำให้เป็นเรื่องท้าทายที่หุ้นจะ outperform ต่อ จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ”