เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท อิง 2025E PER 19x จากที่เราคาดการฟื้นตัวใน 2Q25E รวมถึงการเร่งคำสั่งซื้อและส่งออเดอร์ก่อนมาตรการภาษี และเข้าสู่ High season ของธุรกิจ เราคาดการเติบโตใน 2025E หนุนจากคำสั่งซื้อน้ำมะพร้าวและราคาต้นทุนที่เริ่มผ่อนคลาย จากผ่านพ้นช่วง Low season จากฤดูหนาวและช่วงวันหยุดยาวของจีนใน 1Q25 ที่กำไร ออกมาหดตัวทั้ง YoY และ QoQ และ GPM ที่ถูกกดดันจากต้นทุนมะพร้าวยังทรงตัวสูง เรายังคงมองว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตดีขึ้นใน 2Q-3Q25E จากกลับมาเป็น high season รวมถึงต้นทุนมะพร้าวที่เริ่มเห็นแนวโน้มที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 20.09 บาท/ผล ,โรงงานใหม่ในฟิลิปปินส์คาดจะเริ่ม COD ได้ใน 1Q26 โดยมีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์กะทิอยู่ที่ราว 5.0 หมื่น (ครึ่งนึงของกำลังการผลิตปัจจุบันในไทย) ทำให้สามารถตอบรับความต้องการผลิตภัณฑ์มะพร้าวได้มากขึ้น และจะช่วยหนุนให้ GPM ในปี 2026 ดีขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบในพื้นที่และค่าขนส่งที่ถูกลง
คงประมาณการกำไรปี 2025E/26E ที่ 868/1,247 ล้านบาท +30%/+44% YoY ในปี 2026E จะหนุนต่อด้วย efficiency ในการผลิตที่ดีขึ้นจากโรงงานในฟิลิปปินส์ ทั้งนี้เรายังมองแนวโน้มกำไร 2Q25E ฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จากเป็น High season ของธุรกิจน้ำมะพร้าว ประกอบกับรับรู้การปรับราคาขึ้นเต็มไตรมาส ส่งผลให้ GPM ปรับตัวดีขึ้น QoQ และต่อเนื่องไปใน 3Q25E โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการน้ำมะพร้าวมากขึ้น และธุรกิจอาหารสัตว์ที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามจากกำไร 1Q25 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด เราคาด downside ต่อประมาณการที่ราว -10% และอยู่ระหว่างรอผู้บริหารมีการ review 2025E target ในช่วงครึ่งปี
ราคาหุ้นปรับตัวลง underperform ตลาดมากในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลต่อราคาวัตถุดิบและมาตรการภาษีของสหรัฐที่คาดกระทบ Demand ในจีน อย่างไรก็ตาม เรายังแนะนำ ซื้อ จากยังคงคาดการเติบโตในปี 2025E จากการขยายฐานลูกค้ามากขึ้น และการส่งออกน้ำมะพร้าวของประเทศไทยที่เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดจีน