เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 24.60 บาท อิง PER 11.2x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าเทรดในตลาด (เดิม “ซื้อ” ที่ 40.00 บาท อิง PER 12.5x) เราประเมินกำไรสุทธิ 2Q25E ที่ 99 ล้านบาท (-63% YoY, -61% QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์เดิมจากรายได้และ GPM ที่ต่ำกว่าคาด กำไรลดลง YoY ส่งผลจาก 1) GPM ปรับตัวลดลงเป็น 38.5% จาก 46.8% จากสัดส่วนรายได้ Household ซึ่ง low margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น, จัดโปรโมชั่นเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Palm Kernel Oil (ตาม Figure 3) อีกทั้งรับรู้ค่าเสื่อมโรงงานใหม่เต็มไตรมาสประมาณ 30 ล้านบาท/ไตรมาส และ 2) ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ประมาณ 13 ล้านบาท/ไตรมาส ด้านกำไรชะลอตัว QoQ จาก 1) รายได้รวมทรงตัว QoQ, 2) GPM ปรับตัวลดลง และ 3) SG&A to sales ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมี NPD Relaunch 100+ SKUs ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E-26E ลง -31% และ -28% ตามลำดับเพื่อสะท้อนกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวช้า และ GPM ที่ต่ำกว่าคาดจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ เราประเมินกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 659 ล้านบาท (-35% YoY) สำหรับปี 2026E ที่ 781 ล้านบาท (+18% YoY)
ราคาหุ้น underperform SET -40% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน NEO เทรดอยู่ที่ PER 11.2x เราแนะนำ “ถือ” จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรที่ชัดเจน