เรามองเป็นบวกต่อแนวโน้มธุรกิจ 4Q25E และปี 2026E ดังนี้
1) จำนวนเที่ยวบิน 4Q25E (QTD) เติบโตสูง โดยประเมินเดือน ต.ค. อยู่ที่ 1.04 หมื่นเที่ยวบิน +16% YoY และ พ.ย. จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ 1.15 หมื่นเที่ยวบิน +17% YoY จากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบิน Overflight ทั้งผลกระทบพายุที่เวียดนาม และจีนแจ้งเตือนเดินทางไปญี่ปุ่น ทำให้มีเที่ยวบินจีนไปสิงคโปร์และมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งต้องบินผ่านน่านฟ้ากัมพูชา ส่วน ธ.ค.จะยังมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลให้ 4Q25E จะมีเที่ยวบินไม่ต่ำกว่า 3.35 หมื่นเที่ยวบิน +15% YoY, +15% QoQ
2) การขยายธุรกิจใหม่มีความคืบหน้า โดยคาดว่าทั้งโครงการ FOD ของ AOT มูลค่า 1,250 ล้านบาท (SAV ถือหุ้น 50%) และโครงการจัดหาอุปกรณ์ให้กับวิทยุการบินแห่งประเทศไทย มูลค่า 1,100 ล้านบาท จะเปิดประมูลในเดือน ธ.ค.นี้ และจะมีการเซ็นสัญญาในเดือน ม.ค.26 พร้อมคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q26E ต่อเนื่องถึงปี 2027E
เรายังคงประมาณการกำไร 2025E/26E ที่ 540 ล้านบาท +16% YoY และ 616 ล้านบาท +14% YoY โดยกำไรยังมี upside ได้อีก จากจำนวนเที่ยวบิน 4Q25E ที่มีโอกาสเติบโตดีกว่าที่เราประเมินไว้ และมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นมาก และปี 2026E เราประเมินจำนวนเที่ยวบินจะเติบโต 8-10% YoY และยังมีโอกาส upside หากชนะการประมูล 2 โครงการข้างต้น
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายปี 2026E ที่ 18.00 บาท อิง DCF (WACC = 9.5% TG = 2.5%) (เทียบเท่า 2026E PER ที่ 18.7 เท่า) จากแนวโน้ม 4Q25E และปี 2026E ที่จะเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น SAV ยังคงมีปัจจัย overhang กดดันจากสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา