เราปรับคำแนะลงเป็น “ขาย” จากเดิม “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมปี 2025E ที่ 140.00 บาท อิงวิธี SOTP เราเชื่อว่า SCC จะรายงานกำไรสุทธิที่ลดลง YoY ใน 2Q25E หลักๆตามการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) และการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนที่สูงขึ้นของบริษัท PT. Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ทั้งนี้ แม้เราคาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (olefins spread) ที่ฟื้นตัว QoQ ใน 2Q25E แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะยังไม่กลับมาดำเนินงานโครงการ LSP เนื่องจากความผันผวนของ olefins spread ที่ยังคงอยู่ อีกทั้ง ยังมีความไม่แน่นอนของการค้าโลกหลังการพักการบังคับใช้ภาษีนำเข้าตอบโต้ (reciprocal tariffs) ระหว่างสหรัฐอเมริกา (US) และจีนเป็นระยะเวลา 90 วัน จะครบกำหนดในเดือน ส.ค.2025
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E/2026E ที่ 5.0/7.1 พันล้านบาท เทียบกับ 6.3 พันล้านบาทในปี 2024 โดยมีสมมติฐานสำคัญ คือ 1) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วง 2.6-2.7 ล้านตัน (mt) จาก 2.5 mt ในปี 2024 LSP 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ SCGP ที่ลดลงอยู่ในช่วง 16.4%-16.7% จาก 16.9% ในปี 2024 และ 3) รายได้อื่นๆที่ลดลงตามรายได้เงินปันผลที่น้อยลง
ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น 9% และ outperform SET 14% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนภาพรวม olefins spreads ที่ฟื้นตัว QoQ ใน 2Q25E และความเสี่ยงสงครามการค้าที่ผ่อนคลายหลังมีการพักการบังคับใช้ reciprocal tariffs เป็นเวลา 90 วัน ทั้งนี้ แม้ว่าราคาปัจจุบันจะสะท้อน 2025E PBV ที่ไม่แพงที่ 0.55x (ประมาณ -2.8SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) แต่เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” เนื่องจากเราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนความคาดหวังของการปรับขึ้นของ olefins spread ไปมากแล้ว เราเชื่อว่าความไม่แน่นอนของสงครามการค้าใน 2H25E จะเป็นปัจจัยกดดัน olefins spread ให้ยังคงผันผวนสูง ในขณะที่ ภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในภาวะอุปทานส่วนเกิน (oversupply) จากอุปทานใหม่ที่เพิ่มเข้าต่อเนื่อง