เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BBL และราคาเป้าหมายที่ 186.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.60x (-1.00SD below 10-yr average PBV) โดย BBL ประกาศกำไรสุทธิ 1Q25 อยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +20% YoY และ +21% QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด +11%และเราคาด +14% เพราะมีกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาช่วยหนุนถึง 2.9 พันล้านบาท (เราคาด 500 ล้านบาท) แต่มีการตั้งสำรองฯที่สูงกว่าคาดมาอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท (เราคาด 7.9 พันล้านบาท) ด้าน NIM ต่ำกว่าคาดมาอยู่ที่ 2.91% (เราคาด 3.10%) จากไตรมาสก่อนที่ 3.12% เพราะมี Loan yield ลดลงจากการชำระคืนของ Working capital ส่วน NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.00% จากไตรมาสก่อนที่ 2.70% ส่วนใหญ่เกิดจาก Relapse NPL ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและกลุ่มการค้า ทั้งนี้จากความกังวลเรื่องนโยบายใหม่ของรัฐบาลอินโดฯ ทาง BBL ไม่ได้กังวลต่อธนาคาร Permata มากนักเพราะมี Coverage ratio ในระดับสูงราว 350% ซึ่งสามารถรองรับความเสี่ยงได้อีกมาก
กำไรสุทธิ 1Q25 คิดเป็น 27% ของประมาณการทั้งปี เพราะมีกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาช่วยหนุน แต่เป็นรายการที่คาดการณ์ได้ยาก ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +3% YoY จากสำรองฯที่ลดลงเป็นหลัก ขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q25E จะเพิ่มขึ้น YoY จากสำรองฯที่ลดลง แต่จะลดลง QoQ เพราะฐานกำไรจากเงินลงทุนที่สูง
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น +3% และ +12% ในช่วง 1 เดือน และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จากกำไรที่ดีกว่าคาด และใกล้ประกาศจ่ายเงินปันผล โดยจะ XD วันที่ 23 เม.ย. 25 ที่ 6.50 บาท ประกอบกับ BBL ยังคงมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะมี coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มที่ 300% ด้าน Valuation เทรดที่ PBV ถูกที่สุดในกลุ่มเพียง 0.53x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี และถูกกว่ากลุ่มที่เทรดที่ PBV ที่ 0.68x