เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 36.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.47x (ประมาณ -2.25SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) เราประเมินว่า TOP จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q25E ที่ 5.4 พันล้านบาท (-3% YoY, +54% QoQ) ลดลง YoY จากการรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่เป็นไปได้ ขณะที่ ดีขึ้น QoQ ตามรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เราเชื่อว่าบริษัทจะยังคงมีอัตราการใช้กำลังการกลั่น (refinery run rate) ที่แข็งแกร่งและเห็นค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ฟื้นตัว QoQ ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) นอกจากนี้ เราเชื่อว่าในไตรมาสนี้บริษัทจะมีการรับรู้กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้และค่าความนิยมติดลบ (negative goodwill) ของบริษัทร่วมอีกด้วย สำหรับภาพรวม 3Q25E เราเชื่อว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรปกติหลักๆจาก stock loss (net of NRV) ที่เป็นไปได้ที่ลดลงแม้จะมีแผนปิดซ่อมบำรุงของหน่วยผลิตในทุกๆธุรกิจก็ตาม
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 9.8 พันล้านบาท ทรงตัว YoY โดยคาดว่าค่าการกลั่นทางบัญชี (accounting GRM) จะสูงขึ้นช่วยชดเชยกำไรจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ลดลง ในขณะเดียวกัน เราประเมินกำไรปี 2026E ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) ตาม market GRM ที่ดีขึ้นและ stock loss (net of NRV) ที่น้อยลง
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 15% และ outperform SET 26% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตามแนวโน้ม crack spread ที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ดี ราคาปิดล่าสุดยังสะท้อน valuation ที่น่าดึงดูดที่ 2025E PBV 0.39x (ประมาณ -1.7SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) หากประมาณการกำไรสุทธิ 2Q25E เป็นไปตามที่เราคาด กำไรสุทธิ 1H25 จะคิดเป็น 91% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ทั้งนี้ แม้เราประเมินว่าบริษัทจะรายงานขาดทุนปกติใน 2Q25E แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรปกติได้ใน 3Q25E ตามแนวโน้ม stock loss (net of NRV) ที่น้อยลง