เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MINT และราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 34.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2.5%) โดยเราคาดว่า 1Q25E จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 71 ล้านบาท (ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้เบื้องต้นที่ราว 70-80 ล้านบาท) ฟื้นตัวได้ดีจาก 1Q24 ที่ขาดทุนปกติ -352 ล้านบาท (ปกติจะขาดทุนทุกๆไตรมาส 1 เพราะเป็นช่วง Low season ของยุโรป) แต่ลดลงจาก 4Q24 ที่มีกำไรปกติอยู่ที่ +2.9 พันล้านบาท โดย 1) ธุรกิจโรงแรม ภาพรวม RevPAR เพิ่มขึ้น +2% YoY แต่ลดลง -14% QoQ โดยไทยและมัลดีฟส์เพิ่มขึ้นได้ดีจาก High season ส่วนยุโรปทรงตัว YoY แต่ลดลง -23% QoQ เพราะเป็น Low season 2) ธุรกิจอาหารมี SSSG โดยรวมลดลงที่ -2% YoY จาก 4Q24 ที่ -1% YoY ทั้งนี้ 1Q25E กำไรปกติจะไม่มีผลกระทบจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากดดัน ส่วนกำไรสุทธิจะมีกำไรพิเศษจาก Asset Rotation ที่โปรตุเกสเข้ามาช่วยหนุน
เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025E ที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +10% YoY จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่เราคาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดของปีในช่วง 2Q25E จาก High season ที่ยุโรป ขณะที่ MINT มีแผนจะลดหนี้เพิ่มเติมและจะมีการลด CAPEX ลงเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะช่วยหนุนให้ดอกเบี้ยจ่ายมีโอกาสลดลงมากกว่าคาดได้ แต่อย่างไรก็ดี MINT คาดว่าผลกระทบจาก Tariff น่าจะจำกัด เพราะเน้นโรงแรมระดับ Luxury และ Upper Mid-scale นอกจากนี้โรงแรมที่ยุโรปเน้นนักท่องเที่ยวที่เป็น Intra-European กว่า 70%
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเพียง -1% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET ซึ่งถือว่า outperform its peers เมื่อเทียบกับ CENTEL -15%, SHR -16% และ ERW -18% เพราะ MINT ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงน้อยกว่ากลุ่ม ด้าน valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2025E EV/EBITDA ที่ 9x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA