เราคงคำแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 140.00 บาท อิงวิธี SOTP เราประเมินว่า SCC จะรายงานกำไรปกติใน 2Q25E ที่ 2.5 พันล้านบาท (-33% YoY, +127% QoQ) โดยลดลง YoY ตามการรับรู้ค่าเสื่อมราคาของโครงการ Lon Son Petrochemical Complex (LSP) ที่สูงขึ้นและผลขาดทุนจากสต๊อก ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) น่าที่จะเห็นรายได้อ่อนตัวลง YoY แม้จะสามารถปรับราคาขายเฉลี่ยขึ้นได้ ส่วนธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง (SCGP) น่าที่จะเห็นปริมาณขายสูงขึ้น ทั้งนี้ สำหรับภาพรวม 3Q25E แม้บริษัทมีแผนที่จะกลับมาดำเนินการโครงการ LSP แต่เราเชื่อว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (olefins spread) ที่ยังคงผันผวน อีกทั้งเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้อัตราภาษีนำเข้า (tariff) ของสหรัฐอเมริกา (US)
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E/2026E ที่ 5.0/7.1 พันล้านบาท เทียบกับ 6.3 พันล้านบาทในปี 2024 โดยมีสมมติฐานสำคัญ คือ 1) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วง 2.6-2.7 ล้านตัน (mt) จาก 2.5 mt ในปี 2024 LSP 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ SCGP ที่ลดลงอยู่ในช่วง 16.4%-16.7% จาก 16.9% ในปี 2024 และ 3) รายได้อื่นๆที่ลดลงตามรายได้เงินปันผลที่น้อยลง
ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น 11% และ outperform SET 29% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนภาพรวม olefins spreads ที่ฟื้นตัว QoQ ใน 2Q25E และภาพรวมกำไรที่ดีขึ้น QoQ ทั้งนี้ แม้ว่าราคาปัจจุบันจะสะท้อน 2025E PBV ที่ไม่แพงที่ 0.57x (ประมาณ -1.6SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ หากกำไรปกติ 2Q25E เป็นไปตามเราคาด กำไรปกติ 1H25 จะคิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา ทำให้เราเห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้น (upside risk) ต่อประมาณการกำไรของเรา อย่างไรก็ดี เรามองว่าบริษัทยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าใน 2H25E ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดัน olefins spread ให้ยังคงผันผวนสูง และอาจทำให้ LSP มีความล่าช้าในการกลับมาดำเนินงาน