เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 21.00 บาท (เดิม 27.00 บาท) อิง DCF (WACC = 9.0% (เดิม 7.8%), TG = 2.5%) โดยเราปรับเพิ่ม WACC สะท้อนความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นต่อผลการดำเนินงาน จากปัจจัยด้านสงครามการค้าที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว สำหรับกำไร 1Q25E เราประเมินยังดีต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 135 ล้านบาท (+44% YoY, +6% QoQ) เป็นผลจากจำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 หมื่นเที่ยวบิน (+28% YoY, +6% QoQ) จากเที่ยวบิน Overflight และ Landing & Take-off: International ที่ยังเพิ่มขึ้นโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการท่องเที่ยวในกัมพูชาและประเทศข้างเคียง ส่งผลให้เราประเมินรายได้จะเพิ่มเป็น 495 ล้านบาท (+21% YoY, +5% QoQ) และ GPM ที่ 52.8% (1Q24 = 49.8%, 4Q24 = 53.1%)
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 535 ล้านบาท +15% YoY เป็นสถิติสูงสุดใหม่ จากจำนวนเที่ยวบินที่จะเพิ่มเป็น 1.12 แสนเที่ยวบิน +8% YoY แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้าที่อาจกระทบการเดินทางท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าลงได้ อย่างไรก็ตาม SAV จะได้อานิสงส์จากการเปิดสนามบินแห่งชาติใหม่ “เตโช” ในเดือน ก.ค.25 รองรับผู้โดยสารได้ 13 ล้านคน/ปี มาแทนสนามบินพนมเปญ (2 ล้านคน/ปี) ซึ่งการใช้งานเต็มความสามารถแล้ว ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินรวมมีแนวโน้มเติบโตได้ ทั้งนี้ เรายังประเมินกำไรปี 2025E จะเติบโต YoY ได้ต่อเนื่องทุกไตรมาส
ราคาหุ้น underperform SET -14%/-11% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากความกังวลปัจจัยสงครามการค้าจะกระทบการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เรายังแนะนำ ซื้อ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะยังเติบโต จากผลบวกของการเปิดสนามบินแห่งชาติใหม่ในกัมพูชา รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศข้างเคียงที่จะยังเติบโต เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่น ขณะที่กำไรในปี 2025E ยังมี upside จากเข้าประมูลโครงการ FOD ของ AOT มูลค่าโครงการ 1.28 พันล้านบาท ภายใน 2Q-3Q25E รวมถึงธุรกิจวิทยุการบินลาวที่ยังรอติดตามความคืบหน้า