เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” จากเดิม “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 1.58 บาท อิง 2025E core PER ที่ 8.5 เท่า คิดเป็น -1.25SD ของค่าเฉลี่ย 5-yr average PER ช่วงก่อนโควิดในปีที่มีกำไรปกติ จากเดิม 2.80 บาท อิง 2025E core EPR ที่ 11.0 เท่า คิดเป็น -1SD เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรลดลง และ de-rate PER ลงจากความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การท่องเที่ยวเติบโตช้าลง ทั้งนี้ เราประเมินกำไรปกติ 1Q25E ที่ 1.25 พันล้านบาท ทรงตัว YoY, -4% QoQ จาก 1) ผู้โดยสารเติบโตช้าลงเป็น 5.6 ล้านคน (+3% YoY, +2% QoQ) จากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจากเที่ยวบินจีน, ฮ่องกง, มาเก๊า, 2) ค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยจะลดลงเป็น 1.90-1.95 พันบาท (1Q24 = 2.11 พันบาท, 4Q24 = 1.97 พันบาท) ลดลงจากการแข่งขันที่มากขึ้น และสัดส่วนผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น, 3) จะได้ผลบวกชดเชยจากต้นทุนน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง YoY

เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2025E ลง 25% เป็น 2.4 พันล้านบาท -17% YoY โดยปรับลดจำนวนผู้โดยสารลงเป็น 21.3 ล้านคน +3% YoY จากเดิมที่ 22.5 ล้านคน +8% YoY หลักๆ ปรับจากผู้โดยสารระหว่างประเทศลงเป็น 7.0 ล้านคน -9% YoY (เดิมประเมิน 8.2 ล้านคน +6% YoY)  แต่ยังคงผู้โดยสารในประเทศยังเติบโตตามเดิมที่ 14.3 ล้านคน +9% YoY และปรับค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยลงเป็น 1.88 พันบาท จากเดิม 1.96 พันบาท (ปี 2024 อยู่ที่ 1.97 พันล้านบาท) ตามการท่องเที่ยวที่เติบโตช้าลง

ราคาหุ้น underperform SET -22%/-27% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยในการเดินทางมาไทย, แผ่นดินไหว และสงครามการค้า ทั้งนี้ เราปรับคำแนะนำลงเป็น ถือ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากเดิม และค่าตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ลดลงจากการแข่งขันด้านราคาที่จะกลับมาเร็วขึ้น ส่งผลให้กำไรปกติปี 2025E ปรับตัวลดลง ซึ่ง 1Q25E จะเป็นระดับสูงสุดของปีแล้ว