News Flash
1. พักหนี้ พักเงินต้น พักดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี โดย ธปท.ผ่อนคลายเกณฑ์ เพื่อไม่ให้หนี้เหล่านี้ถูกจัดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
2. ให้เงินกู้เพื่อการยังชีพและประกอบอาชีพ 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน โดยธนาคารของรัฐ (ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี)
3. ให้เงินกู้เพื่อการซ่อมแซมที่พักอาศัย 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย เป็นเวลา 1 ปี โดยธนาคารของรัฐ (ระยะเวลาเงินกู้ 3 ปี)
4. มาตรการ Soft Loan สำหรับ SME จัดให้มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)
Implication
ทั้งนี้เราประเมินผลกระทบ (Fig 2) โดยอ้างอิงสินเชื่อรวมรายจังหวัดจาก ธปท. พบว่า 9 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมีสินเชื่อราว 4.34 แสนล้านบาท ขณะที่เราคาดว่าจะมีสัดส่วนเข้าร่วมโครงการที่ 20% และอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของรายย่อยและ SME ที่ราว 6% ทำให้รายได้ดอกเบี้ยจะลดลงราว 5.2 พันล้านบาท โดยทั้งหมดมี 28 ธนาคารพาณิชย์ (ไม่รวม SFIs อีก 7 แห่ง) ทำให้ได้ผลกระทบแต่ละธนาคารที่ราว 186 ล้านบาท ขณะที่เราคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยไปกับการตั้งสำรองฯและ NPL ที่ลดลงได้
สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยของธนาคารขนาดใหญ่เรียงจากมาก-น้อยคือ TTB (63%), KTB (47%), SCB (40%), KBANK (29%)
สัดส่วนสินเชื่อ SME เรียงลำดับจากมากไปน้อยคือ KBANK (26%), SCB (16%), BBL (16%), KTB (10%), TTB (7%)
-
ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, SCB เป็น Top pick เราให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.72x PBV (-1.00SD below 10-yr average PBV)
และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยเรายังคงเลือก KTB (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท) และ SCB (ซื้อ/เป้า 150.00 บาท) เป็น Top pick