เรามองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (1 ธ.ค.) จากผลกระทบเชิงบวกและลบโดยรวมที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมระยะยาวยังมีทิศทางที่ดีตามเดิม โดยมีปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1) ธุรกิจ OSV และ PCT จะฟื้นตัวดีใน 4Q25E และปี 2026E โดย OSV จะเริ่มให้บริการ crew boat ใหม่เพิ่ม 2 ลำ ในเดือน พ.ย. และเรือ AWB ทั้ง 2 ลำได้สัญญาเช่าระยะยาวใหม่ที่อัตราค่าเช่าเรือสูงขึ้น ส่วน PCT ใน 4Q25E ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มในหลายประเทศชดเชยรายได้จากกัมพูชาที่หายไป
2) ธุรกิจ FSU และ COC จะชะลอตัวลง จากจำนวนวันให้บริการที่ลดลง โดย FSU มีการสลับเรือภายในกลุ่ม เนื่องจากมีลูกค้ารายหนึ่งต้องการเรือที่ใหม่กว่า และ COC มีเรือ VLCC เข้า dry dock ราว 28 วัน ช่วงปลาย ต.ค.–กลาง พ.ย. ส่วนปี 2026E คาดว่าจะไม่มีเรือ VLCC เข้า dry dock
3) เรือให้บริการ ณ 3Q25 มี 68 ลำ, 4Q25E จะเพิ่มเป็น 70 ลำ และแผนปี 2026E จะเพิ่มเป็น 74 ลำ
4) 4Q25E จะมีรายได้จากการให้บริการลากเรือ AWB จากอู่เพื่อมาให้บริการลูกค้าราว 20 ล้านบาท
เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025E/26E ที่ 2.0 พันล้านบาท -3% YoY และ 2.2 พันล้านบาท +9% YoY สำหรับ 4Q25E จะยังโตดี YoY จากฐานต่ำ แต่จะลดลง QoQ จากธุรกิจ FSU และ COC ที่ชะลอตัว รวมถึง SG&A ที่สูงขึ้นในปลายปี ส่วนปี 2026E กำไรปกติจะกลับมาโตดี จากแผนรับเรือใหม่, ค่าเช่าเรือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจำนวนเรือที่เข้า dry dock ลดลง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท อิง 2026E core PER ที่ 9.3 เท่า (-0.5SD below 5-yr average PER) จากกำไรปี 2026E ที่ยังสดใสและมี upside หากรับเรือใหม่เพิ่ม ด้าน valuation ยังน่าสนใจเทรดที่ 2026E core PER ที่ 7.0 เท่า คิดเป็น -0.75SD อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มกำไร 4Q25E ที่ยังไม่เด่น อาจกดดันราคาหุ้นระยะสั้นให้อยู่ในกรอบจำกัด